กรุงเทพฯ 22 ก.ย. – ศาลปกครองภูเก็ตยกฟ้องคดีบริษัทน้ำมันปาล์มร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่และอธิบดีกรมป่าไม้ ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ออกโฉนดที่ดินแปลงที่บริษัทเข้าประโยชน์ ทำสวนปาล์มน้ำมันในเขตป่าปลายคลองพระยา อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ ชี้ที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
นายสมชาย นุชนานนท์เทพ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ กล่าวว่า นำเสนอคำพิพากษาของศาลปกครองภูเก็ต ซึ่งยกฟ้องคดีที่บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) กล่าวโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและละเลยต่อหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าล่าช้า ให้นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ทราบแล้ว
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวผู้ฟ้องกล่าวโทษเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ สาขาอ่าวลึก เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ และอธิบดีกรมป่าไม้ จากการที่ผู้ฟ้องคดียื่นคำขอออกโฉนดที่ดินในที่ดินแปลงไม่มีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน 21 แปลง เนื้อที่ 4,225 ไร่ หมู่ที่ 4 5 7 8 และ 9 ต.ปลายพระยาและหมู่ที่ 7 ต.คีรีวง อ.ปลายพระยา รวมทั้งอีก 1 แปลง เนื้อที่ 722 ไร่ หมู่ที่ 4 และ 5 ต.คลองยา อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ รวมเป็น 22 แปลง เนื้อที่ทั้งหมด 5,947 ไร่ นอกจากนี้ ผู้ฟ้องยังขอให้กรมป่าไม้กันพื้นที่ดังกล่าวออกจากเขตป่าปลายคลองพระยา อ.ปลายพระยา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ดินออกโฉนดที่ดิน แต่เจ้าพนักงานที่ดินและอธิบดีกรมป่าไม้ไม่ดำเนินการตามคำขอ
ข้อเท็จจริงตามคดีปรากฏว่า ผู้ฟ้องคดี คือ บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม เป็นผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินไม่มีหนังสือแสดงสิทธิ โดยได้รับโอนการครอบครองที่ดินเมื่อปี 2523 จากบุคคล 10 คน โดย 10 คนนี้ได้รับโอนต่อมาอีกทอดจากคนในครอบครัวเดียวกันเมื่อปี 2510 ซึ่งซื้อต่อจากเจ้าของเดิมหลายรายรวมกันเข้าจับจองและครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินมาแล้วประมาณ 25 ปี ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ
ต่อมาผู้ครอบครอง 2 ใน 10 คน เคยนำเดินสำรวจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก) เมื่อปี 2520 รวมเนื้อที่ 2,270 ไร่ แต่ยังดำเนินการไม่เสร็จ ส่วนอีก 2 แปลงที่เหลือ มีเนื้อที่รวม 2,955 ไร่ และ 722 ไร่ ซึ่งทั้ง 2 คน เคยนำพนักงานจ้าหน้าที่พิสูจน์สอบสวนการทำประโยชน์ เพื่อออกหนังสือการทำประโยชน์แล้วเช่นกัน แต่เจ้าหน้าที่ของกรมที่ดินไม่ไปรังวัดให้โดยไม่ทราบสาเหตุ เรื่องจึงยังอยู่ระหว่างดำเนินการจนถึงปัจจุบัน จากนั้นปี 2558 บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม ได้ให้ผู้รับมอบอำนาจยื่นขอออกโฉนดที่ดิน พร้อมทั้งให้ถ้อยคำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามบันทึกคำชี้แจงเรื่องตรวจและชี้ตำแหน่งในระวางแผนที่ว่า ที่ดินทุกแปลงที่ขอออกโฉนดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าปลายคลองพระยา
ศาลปกครองภูเก็ตพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 5 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ให้ผู้ที่ได้ครอบครองและทำประโยชนในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ โดยไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน ต้องแจ้งการครอบครองที่ดินต่อนายอำเภอท้องที่ภายใน 180 วัน นับแต่ พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ ถ้าไม่แจ้งภายในระยะเวลาที่กำหนดให้ถือว่าบุคคลนั้นเจตนาสละสิทธิครอบครองที่ดิน ดังนั้น เมื่อเจ้าของที่ดินเดิม ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินขณะนั้นมิได้แจ้งการครอบครองต่อนายอำเภอท้องที่ภายใน 180 วันนับแต่วันที่ พ.ร.บ.ใช้บังคับ ย่อมต้องถือว่าเจ้าของที่ดินเดิมเจตนาสละสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทแล้ว เมื่อผู้ฟ้องคดีรับโอนการครอบครองมา จึงไม่ได้รับการคุ้มครองให้มีสิทธิครอบครองในที่ดินดังกล่าวด้วย
อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากบันทึกคำชี้แจงเรื่องตรวจและชี้ตำแหน่งในระวางแผนที่ท้ายคำขอออกโฉนดที่ดิน ซึ่งผู้ฟ้องคดีชี้ตำแหน่งในระวางแผนที่ว่า ที่ดินที่ขอออกโฉนดที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าปลายคลองพระยาทุกแปลง ประกอบกับการที่ผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้อธิบดีกรมป่าไม้กันพื้นที่ที่ขอออกโฉนดที่ดินออกจากเขตป่าดังกล่าว อันเป็นการรับข้อเท็จจริงว่า ที่ดินที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จึงถือว่าเป็นที่ดินที่คณะรัฐมนตรีสงวนไว้ เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างอื่น ห้ามมิให้ออกโฉนดที่ดิน
นายสมชาย กล่าวว่า เมื่อศาลปกครองภูเก็ตยกฟ้องคดีที่บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด กล่าวโทษเจ้าพนักงานรัฐดังกล่าวแล้ว จึงนำคำวินิจฉัยของศาลเสนอต่ออธิบดีกรมป่าไม้ เพื่อเสนอใช้ประกอบคำโต้แย้งคัดค้านคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการจังหวัดกระบี่ในคดีที่เกี่ยวเนื่องกัน จากการที่สำนักงานทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่เข้าตรวจยึดพื้นที่ จับกุมดำเนินคดีบริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์มกับพวก โดยแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรปลายพระยา พร้อมยึดทรัพย์ แต่ล่าสุดอัยการจังหวัดกระบี่มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องและไม่ริบของกลาง โดยกรมป่าไม้ยืนยันว่าบริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์มมีเจตนายึดถือครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ตามการตรวจยึดจับกุมและดำเนินคดีอาญาเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2562.-สำนักข่าวไทย