ชลบุรี 18 ก.ย. – “พล.อ.ประวิตร” เร่งขับเคลื่อนโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ระดับพื้นที่ เพื่อประโยชน์ประชาชนอย่างยั่งยืน
วันนี้ (18 ก.ย. 63) เวลา 10.00 น. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ครั้งที่ 3/2563 ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยมี ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม เพื่อรับทราบแผนการขับเคลื่อนโครงการสำคัญ 557 โครงการ ความก้าวหน้าผลการติดตามการขอใช้พื้นที่ป่าสำหรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ และความก้าวหน้าการดำเนินการคณะทำงานทางเทคนิคการพัฒนาโครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาโครงการขนาดใหญ่ที่พร้อมเสนอขอตั้งงบประมาณปี 65 ของ 4 หน่วยงาน จำนวน 6 โครงการ ประกอบด้วย โครงการจัดหาน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาที่โรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่า จากแหล่งน้ำลำตะคองมายังโรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่า จังหวัดนครราชสีมา โดยเทศบาลนครนครราชสีมา ระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยเมืองพัทยา สถานีสูบน้ำดิบพร้อมระบบท่อส่งน้ำเพื่อรองรับการพัฒนาเมืองต้นแบบสามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ของจังหวัดปัตตานี และอีก 3 โครงการในความรับผิดชอบของกรมชลประทาน ได้แก่ โครงการอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง จังหวัดเชียงราย โครงการอ่างเก็บน้ำคลองโพล้ จังหวัดระยอง และโครงการผันน้ำอ่างเก็บน้ำประแสร์-หนองค้อ-บางพระ จังหวัดชลบุรี
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การกำหนดเป้าหมายใหม่ในการขับเคลื่อนโครงการสำคัญจะต้องสอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้ง 6 ด้าน และต้องเป็นโครงการที่สามารถเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 64-66 โดยแผนการขับเคลื่อนโครงการสำคัญตามเป้าหมายเดิมที่ได้กำหนดไว้ 557 โครงการ พบว่า ได้รับงบประมาณก่อสร้างไปแล้ว จำนวน 31 โครงการ ดังนั้น จึงเหลือเป้าหมายการขับเคลื่อนโครงการสำคัญที่เริ่มก่อสร้างได้ในปี 64 เป็นต้นไป อีก 526 โครงการ แบ่งการขับเคลื่อนเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 โครงการอันเนื่องพระราชดำริ จำนวน 182 โครงการ ก่อสร้างแล้วเสร็จ 1 โครงการ อยู่ระหว่างก่อสร้าง 30 โครงการ โดยโครงการที่เหลือ 151 โครงการ จะเร่งผลักดันให้สามารถดำเนินการได้ทั้งหมดภายในปี 66 กลุ่มที่ 2 โครงการที่ต้องเตรียมเสนอ กนช. เป็นรายโครงการ จำนวน 131 โครงการ ประกอบด้วย โครงการขนาดใหญ่ 68 โครงการ โครงการบูรณาการหลายหน่วยงานเชิงพื้นที่ 18 โครงการ เช่น โครงการปรับปรุงระบบชลประทานเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง ปรับปรุงโครงข่ายระบบชลประทานฝั่งตะวันตก แก้มลิง 69 พื้นที่ เป็นต้น และโครงการที่มีลักษณะเฉพาะทางเทคนิค 45 โครงการ เช่น โครงการพัฒนาบาดาลขนาดใหญ่ การผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล แผนพัฒนาระบบคลังข้อมูลและระบบตัดสินใจ เป็นต้น และกลุ่มที่ 3 โครงการที่ต้องรายงานความก้าวหน้าต่อ กนช. จำนวน 244 โครงการ เป็นโครงการสำคัญตามแผนแม่บทฯ ที่ดำเนินการตามภารกิจของแต่ละหน่วยงาน ทั้งนี้ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานความก้าวหน้าการขับเคลื่อนโครงการให้ สทนช. ทราบทุก 3 เดือน และให้หน่วยงานมอบหมายผู้รับผิดชอบในการแก้ไขและตรวจสอบข้อมูลการขับเคลื่อนโครงการสำคัญให้เป็นปัจจุบัน ผ่าน Application Thai Water Plan ซึ่ง สทนช. ได้พัฒนาขึ้นเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนโครงการสำคัญได้ผ่านระบบออนไลน์บนฐานข้อมูลเดียวกัน
พลเอกประวิตร กล่าวต่อ ในที่ประชุมว่า ในวันนี้ได้ร่วมกันพิจารณาโครงการขนาดใหญ่ที่อยู่ในเป้าหมายโครงการสำคัญ ซึ่งแต่ละโครงการใช้วงเงินงบประมาณสูง การเสนอขอตั้งงบประมาณ จึงต้องมีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน เพื่อให้ผลสัมฤทธิ์ของโครงการเกิดประโยชน์ต่อประชาชนทุกภาคส่วน สามารถแก้ปัญหาระดับพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน มีประสิทธิภาพและสอดคล้องตามแผนบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ในส่วนของโครงการของกรมชลประทาน 2 โครงการที่ผ่านการพิจารณาวันนี้ ขอให้เร่งรัดการออกแบบให้ครอบคลุมพื้นที่ชลประทานอย่างเต็มศักยภาพ ตลอดจนศึกษาการบริหารจัดการน้ำทุกภาคส่วนให้มีความชัดเจน แสดงมาตรการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมโครงการ เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา และเร่งรัดขอใช้พื้นที่ป่าไม้ รวมทั้งเร่งดำเนินการด้านการสร้างการรับรู้ถึงประโยชน์ของโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อขอความเห็นจากคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดและคณะกรรมการลุ่มน้ำ ก่อนเสนอต่อ กนช. พิจารณาต่อไป รองนายกรัฐมนตรี กล่าว .- สำนักข่าวไทย