เตหะราน 12 ก.ย.- อิหร่านประณามบาห์เรนว่า เป็นหุ้นส่วนอาชญากรรมของอิสราเอล หลังจากบาห์เรนและอิสราเอลประกาศว่าจะสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในระดับปกติ จากที่เคยเป็นปรปักษ์กันมาหลายทศวรรษ
กระทรวงต่างประเทศอิหร่านแถลงวันนี้ว่า จากนี้ไปผู้ปกครองของบาห์เรนจะกลายเป็นหุ้นส่วนการก่ออาชญากรรมของระบอบไซออนิสต์ เป็นภัยต่อสันติภาพของภูมิภาคและโลกอิสลาม บาห์เรนได้นำปาเลสไตน์ไปสังเวยการเลือกตั้งอเมริกันด้วยข้อตกลงที่น่าละอายนี้ แน่นอนว่าผลที่จะตามมาคือ ความโกรธแค้นที่เพิ่มขึ้น ความเกลียดชังที่ถาวรต่อผู้กดขี่ชาวปาเลสไตน์ ชาวมุสลิมและประเทศเสรีทั่วโลก ด้านปาเลสไตน์ที่ต้องการให้โลกอาหรับสนับสนุนการต่อต้านการยึดครองของอิสราเอลประณามทันทีว่า เป็นการแทงข้างหลังชาวปาเลสไตน์ ขณะที่ซาอุดีอาระเบีย ผู้นำในโลกอาหรับยังไม่แสดงท่าทีใด ๆ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐประกาศเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐว่า บาห์เรนและอิสราเอลบรรลุข้อตกลงสันติภาพ เป็นอาหรับประเทศที่สี่ตามหลังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออีที่ประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระดับปกติกับอิสราเอลเป็นประเทศที่สามเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ทิ้งช่วงหลังจากอียิปต์และจอร์แดนเป็นสองประเทศแรกในปี 2522 และ 2537 ยูเออีและบาห์เรนจะลงนามข้อตกลงสันติภาพกับอิสราเอลที่ทำเนียบขาวในวันที่ 15 กันยายนตามเวลาสหรัฐ
วิล เวกสเลอร์ ผู้อำนวยการโครงการตะวันออกกลาง สภาแอตแลนติก หน่วยงานวิชาการในสหรัฐมองว่า ประเทศอาหรับริมอ่าวอาหรับหรืออ่าวเปอร์เซียกังวลอย่างยิ่งที่สหรัฐลดบทบาทในภูมิภาคนี้ ขณะที่ประเทศนอกกลุ่มอย่างอิหร่านที่เป็นมุสลิมชีอะห์ ตุรกีที่โยงใยกับกลุ่มภราดรภาพมุสลิม และรัสเซียเข้ามาแสดงบทบาทมากขึ้น จึงเกิดการจับมือกันเพื่อสกัดคนนอก ประเทศริมอ่าวอาหรับและอิสราเอลไม่ใช่พันธมิตรกันโดยธรรมชาติ เพราะมีความแตกต่างทางวัฒนธรรม แต่ขณะนี้ต้องมองข้ามเรื่องนี้เพราะมีเรื่องภูมิรัฐศาสตร์และโอกาสร่วมกัน โดยเฉพาะผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ.-สำนักข่าวไทย