สระแก้ว 10 ก.ย.-รมว.แรงงาน ลงพื้นที่ด่านศุลกากรคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ประชุมหารือผู้ประกอบการในพื้นที่เกี่ยวกับมาตรการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวตามแนวชายแดน ป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 พร้อมให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนและระบบเศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวจากโควิดโดยเร็ว
เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2563 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อประชุมหารือกับผู้ประกอบการในพื้นที่ เรื่องการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวภายหลังการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาด และยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19) ณ ห้องประชุมด่านศุลกากรคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยมี นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย มีนายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ให้การต้อนรับ โดย รมว.แรงงาน กล่าวว่า ท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความห่วงใยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 ตามแนวชายแดน เนื่องจากพบว่าปัจจุบันยังคงมีการแพร่ระบาดอยู่ในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้ยังมีความน่าเป็นห่วงและมีความกังวล อาจจะส่งผลกระทบต่อแรงงานที่เข้ามาตามตะเข็บแนวชายแดน โดยเฉพาะอาจทำให้เกิดการระบาดในระลอก 2 ขึ้นได้
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อมารับฟังสภาพปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด -19 ในประเด็นต่างๆ อาทิ การเปิดตลาดโรงเกลือ การขาดแคลนแรงงาน รวมทั้งการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวภายหลังการผ่อนคลาย การบังคับใช้มาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาด และยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามแนวตะเข็บชายแดน ว่าจะมีวิธีการนำเข้าแรงงานต่างด้าวเข้ามาอย่างไร รวมทั้งการกำหนดสถานที่กักตัว 14 วัน การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตามขั้นตอนที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ว่าจะมีสถานที่กักตัวที่รัฐจัดให้ที่ใดบ้าง โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจะรับสมัครผู้สนใจเสนอสถานที่กักกัน (Alternative Local Quarantine : ALQ) เพื่อกักกันแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาที่จะเข้ามาทำงานตามระบบเอ็มโอยู ปัจจุบันอยู่ระหว่างตรวจสอบมาตรฐานของสถานที่ และการกำหนดวิธีการดำเนินการอย่างไรบ้าง
รมว.แรงงาน ยังกล่าวถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความต้องการใช้แรงงานต่างด้าวเพื่อทำงานในภาคเกษตรเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการทำงานในไร่อ้อย นายมนตรี ดำพล นายกสมาคมเกษตรกรชายแดนบูรพา แจ้งความต้องการแรงงานเพื่อมาทำงานตัดอ้อย ประมาณ 10,000 คน หากไม่สามารถหาแรงงานมาดำเนินการตัดอ้อยได้จะเกิดความเสียหาย นอกจากนี้ ชาวสวนลำไย ซึ่งมีพื้นที่ทำสวน ประมาณ 58,000 ไร่ ก็มีความต้องการแรงงาน ประมาณ 1,000 คนเช่นกัน แต่จะขอใช้แรงงานกัมพูชาจากจังหวัดจันทบุรีซึ่งมีความชำนาญในการเก็บลำไย มาเก็บลำไยในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว
ส่วนการเฝ้าระวังการลักลอบเข้ามาทำงานของแรงงานต่างด้าว กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานจัดหางานจังหวัดจะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประชาสัมพันธ์และตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าวอย่างสม่ำเสมอ หากตรวจพบการกระทำความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ กองกำลังบูรพา จัดชุดตรวจ ลาดตระเวน แนวชายแดนไทย–กัมพูชา อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันมิให้แรงงานกัมพูชาลักลอบเข้ามาในประเทศ ส่วนการสุ่มตรวจหาเชื้อโควิด–19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว สำนักงานจัดหางานจังหวัดสระแก้วได้บูรณาการร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้วในการสุ่มตรวจหาเชื้อโควิด–19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว โดยสำนักงานจัดหางานจังหวัดทำหน้าที่คัดเลือกกลุ่มเป้าหมายที่มีการจ้างแรงงานต่างด้าวเป็นจำนวนมาก ประสานสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและได้รับการผ่อนผันตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานเป็นช่างฝีมือ ผู้ชำนาญสระแก้ว เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด–19 ซึ่งได้ดำเนินการมาแล้วหลายครั้งรวมแรงงานต่างด้าวที่ได้รับการตรวจมากกว่า 1,000 คน ปรากฏว่าไม่พบผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด
“จังหวัดสระแก้ว มีพื้นที่ติดชายแดนกัมพูชา มีการใช้แรงงานต่างด้าวอยู่ที่ประมาณ 12,000–22,000 คน เป็นแรงงานที่นำเข้ามาทำงานตามเอ็มโอการ ครูสอนภาษา และแรงงานภาคเกษตร ซึ่งเป็นแรงงานจำนวนมากที่สุด แบ่งเป็นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ก่อนสถานการณ์โควิด–19 จำนวน 21,205 คน และในปัจจุบันเดือนกันยายน 2563 จำนวน 2,746 คน ซึ่งการลงพื้นที่ในวันนี้จะทำให้รับทราบสภาพปัญหาจากผู้ประกอบการภาคเอกชนโดยตรงเกี่ยวกับความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว รวมทั้งขั้นตอนการกักตัวและสถานที่กักตัวตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด รวมทั้งการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เพื่อให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนและระบบเศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวจากโควิดโดยเร็ว” นายสุชาติ กล่าวในท้ายสุด.-สำนักข่าวไทย