สุโขทัย 2 ก.ย.- “บิ๊กตู่” บ่น เหนื่อย ประเทศไทยปัญหาเยอะ แต่ขอให้ยิ้มแย้มใส่กัน พร้อมขอบคุณกำลังพล บอก อย่าหมดกำลังใจหากถูกติ ขอให้ทำดี
เวลา 15.30 น. นายกฯ พบปะประชาชนผู้ประสบอุทกภัย และมอบถุงยังชีพ ที่บริเวณสะพานเมืองบางยม ข้างวัดหนองโว้ง หมู่ที่ 7 ต.ท่าทอง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย พร้อมตรวจพื้นที่ความเสียหายจากอุทกภัย โดยนายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลรับฟังความคิดเห็นจากข้างล่างไปข้างบน แล้วมาเจอกันนี่คือการรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย ทุกช่วงวัย วันนี้เราก็มีความเป็นห่วงว่านักศึกษาที่จบมาจะไม่มีงานทำ ซึ่งรัฐบาลกำลังจะหางบประมาณไปจ้างงาน
นายกฯ กล่าวว่า ทุกคนคือคนไทยด้วยกันขอให้ทุกคนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราอยู่ร่วมกันอย่างสันติไม่มีความขัดแย้งกันมายาวนาน ผมเองก็พยายามที่จะไม่ไปเป็นคู่ขัดแย้งกับใคร ก็ฝากพวกเราด้วยแล้วกัน ช่วยกันดูแลรัฐบาลและรัฐมนตรีทุกคน ที่มาวันนี้มาด้วยความรัก ความห่วงใยจริงๆ อะไรที่แก้ปัญหาให้ได้ก็ช่วยแก้ให้ ซึ่งจะมีทั้งในระยะสั้น ระยะยาว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่ง นายกฯ ได้สอบถามประชาชนที่ได้รับผลกระทบที่น้ำท่วมกะทันหันทำให้บ้านจมไปกับน้ำ ทรัพย์สินเสียหายทั้ง 2 ครอบครัวว่าดีแล้วที่คนไม่เป็นอะไร ส่วนทรัพย์สินที่หายไปก็ค่อยๆ หาใหม่ได้
ทั้งนี้นายกฯ กล่าวต่อว่า “เหนื่อย ปัญหาประเทศไทยเยอะ แต่ถ้าเราใช้ความเป็นไทย ยิ้มแย้มแจ่มใสใส่กัน อลุ่มอล่วยให้กันทุกอย่างก็ไปได้ทั้งหมดนั้นแหล่ะ สิ่งที่ต่างประเทศชอบเราเป็นอันดับหนึ่งในการท่องเที่ยวคือรอยยิ้มมีความเอื้ออารี
จากนั้นนายกฯ ได้ให้กำลังกำลังพลจาก กองพลทหารพัฒนา กองทัพภาคที่ 3 ที่มาช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมว่า ขอบคุณทุกคน เราต้องทำให้เขารักเราด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นทหารของพวกเรา ใครจะว่า ใครจะติ ก็ช่างเขา อย่าหมดกำลังก็แล้วกัน ตนเข้าใจเพราะเป็นทหารเก่ามา ก็ขอให้ทำในสิ่งที่ดีต่อไป ดูแลคนไทยให้ดี วันนี้มีรัฐมนตรีมาหลายคน มาชื่นชมพวกเราที่เสียสละ เราต้องทำสิ่งดีๆ ให้มากขึ้นเรื่อยๆ ให้เขารู้เข้าใจว่ามีทหารไว้ทำอะไร มีประโยชน์แค่ไหน ถ้าไม่มีทหารแล้วใครจะมา ใครที่จะเรียกได้ใน 24 ชั่วโมง เพราะเราอยู่ในค่ายเดียวกัน มีบ้านอยู่ในค่ายพอมีอะไรก็ไปได้ทันที คนอื่นทำไม่ได้หรอก นั่นคือหน้าที่ทหารไทย ทั้งเรื่องการพัฒนาประชาธิปไตย
เมื่อเวลา 15.45 น. นายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี บุตรสาวฝาแฝด ได้ให้ทนายความ แจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลและกลุ่มบุคคล ที่เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น และถูกเกลียดชัง ที่ สน.นางเลิ้ง ว่า “ก็เรื่องของเขา ถือว่าเขาบรรลุนิติภาวะแล้ว ก็เป็นสิทธิของเขา จะปกป้องชื่อเสียงก็เป็นเรื่องของเขา ผมก็ฟังคนรุ่นใหม่” .-สำนักข่าวไทย