เปิดปากคำเพื่อน “น้องมิ้นท์” นักศึกษา ม.ราชภัฏภูเก็ต ที่เสียชีวิต

ภูเก็ต 22 ส.ค. – การเสียชีวิตของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ยังคงเป็นคำถามสำคัญสำหรับสังคมถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงว่า เกิดจากการที่รุ่นพี่สั่งทำโทษรุ่นน้องหนักเกินไปหรือไม่ โดยวันนี้ สำนักข่าวไทย มีโอกาสได้พูดคุยกับเพื่อนในกลุ่มเชียร์ลีดเดอร์ของน้องที่เสียชีวิต


นี่คือคำบอกเล่าบางช่วงบางตอนของเพื่อนสนิท ซึ่งเป็นเชียร์ลีดเดอร์กลุ่มเดียวกันกับ น.ส.พรพิพัฒน์ เอียดดำ หรือ มิ้นท์ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ที่เสียชีวิตขณะวิ่งตามคำสั่งทำโทษของรุ่นพี่ โดยเพื่อนสนิท ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์วันที่น้องมิ้นท์ล้มลงหมดสติขณะวิ่ง ยืนยันชัดเจนว่า ตนเองและเพื่อนเชียร์ลีดเดอร์ รวม 11 คน ถูกสั่งทำโทษให้วิ่งพร้อมกันในวันเกิดเหตุ โดยไม่ได้วิ่งรอบขุมเหมือง ระยะทางรอบละประมาณ 1 กิโลเมตร ตามที่ปรากฏในข่าวจากหลายสำนัก แต่เป็นการวิ่งในระยะสั้นบนฟุตปาธ ระยะทางต่อรอบราว 50 เมตร ก่อนที่น้องมิ้นท์ ซึ่งวิ่งอยู่ด้านหน้าของตนเอง จะล้มฟุบลงหมดสติในช่วงเวลาราว 19.00 น.เศษ โดยมีรุ่นพี่เชียร์ลีดเดอร์เป็นคนนำตัวน้องมิ้นท์ส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา

ขณะที่บรรยากาศที่บ้านของน้องมิ้นท์ ซึ่งตั้งอยู่ใน ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต วันนี้ยังคงเป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีบรรดาญาติพี่น้องเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจพ่อและแม่ของน้องมิ้นท์ ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ ทั้งพ่อและแม่ของน้องมิ้นท์ยังทำใจไม่ได้ โดยทั้งคู่ล้มป่วยจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมาแล้วถึง 3 ครั้ง


นายจรัล บุญยงค์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นอา บอกว่า ตอนนี้ทางครอบครัวตัดสินใจที่จะยังไม่นำร่างของน้องมิ้นท์มาประกอบพิธีทางศาสนา โดยจะรอผลการชันสูตรศพจากสถาบันนิติเวชก่อน ล่าสุดทางโรงพยาบาลแจ้งว่าจะทราบผลในอีกราว 2 สัปดาห์ พร้อมกับวอนขอให้รุ่นพี่ที่เป็นคนสั่งทำโทษให้น้องมิ้นท์วิ่งในวันเกิดเหตุ ช่วยติดต่อมายังครอบครัว เพื่อเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะครอบครัวยังรู้สึกคาใจ ยืนยันพร้อมเปิดใจรับฟังทุกอย่าง รวมถึงขอให้มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณจุดที่เกิดเหตุการณ์ ในวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมาด้วย

ขณะที่รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงภายในถึงสาเหตุการเสียชีวิตของน้องมิ้นท์แล้ว โดยคณะกรรมการมาจากหลายหน่วยงาน มีอัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นประธาน จะเริ่มต้นสอบข้อเท็จจริงได้ในวันพรุ่งนี้ (23 ส.ค.) แต่ยังไม่สามารถกำหนดกรอบระยะเวลาในการสอบได้ว่าจะเสร็จสิ้นภายในกี่วัน

ทั้งนี้ ผลการชันสูตรศพของน้องมิ้นท์ หรือ น.ส.พรพิพัฒน์ เอียดดำ รวมถึงพยานบุคคลที่อยู่ในวันเกิดเหตุทั้งหมด ล้วนเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยไขปมปริศนาสาเหตุการเสียชีวิตของน้องมิ้นท์ให้กระจ่าง และจะนำไปสู่การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขออำนาจศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องว่าประกอบไปด้วยใครบ้าง ซึ่งต้องติดตามกันต่อไป. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง