กรุงเทพฯ 21 ส.ค. – กรมเจ้าท่าร่วมกับ EA เปิดตัวเรือไฟฟ้าลำแรกในแม่น้ำเจ้าพระยา ภายใต้งาน “Modern PHENOMENON OF MASS TRANSIT” มั่นใจปี 64 พลิกโฉมบริการเรือโดยสารเข้าสู่การใช้พลังงานไฟฟ้า พร้อมการันตีค่าโดยสารไม่แพงกว่าปัจจุบัน แม้มีการปรับโครงสร้างราคาในอนาคต
นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยที่ผ่านมากรมเจ้าท่าได้พัฒนาต่อยอดท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาให้มีความทันสมัยในการให้บริการมากยิ่งขึ้น อีกทั้งสร้างวิถีชีวิตการเดินทางรูปแบบใหม่ ที่ไร้มลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและช่วยลด PM 2.5 นับว่าเป็นการเชื่อมโยงระบบโครงข่ายการเดินทางทางน้ำร่วมกับ ระบบขนส่งมวลชนอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อมการเดินทางระบบไฟฟ้าอย่างครบวงจร ทั้งระบบ เรือ รถ ราง ได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำอีกด้วย
นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากรมเจ้าท่าเร่งพัฒนาท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาให้เกิดการเชื่อมต่อการเดินทางทางน้ำ เพื่อยกระดับศักยภาพด้านการขนส่งทางน้ำ พร้อมปรับปรุงท่าเรือโดยรอบพื้นที่กรุงเทพฯ ให้มีความทันสมัยต่อการให้บริการมากยิ่งขึ้น และเชื่อว่าตั้งแต่ปี 2564 ต้นไปการให้บริการผู้โดยสารจะพลิกโฉมสู่การใช้พลังงานสู่การใช้พลังงานไฟฟ้า โดยกรมเจ่าท่าในฐานะกำกับมาตรฐานและทิศทางการพัฒนาเรือไฟฟ้าในประเทศ ตลอดจนให้คำแนะนำแก่ภาคเอกชน เพื่อต่อยอดเชิงพาณิชย์
สำหรับเรือไฟฟ้าที่นำมาเปิดตัววันนี้ถือเป็นต้นแบบและสิ้นปี 2563 เอกชนจะประกอบเรือที่เหลืออีก 10 ลำ ซึ่งจะพิจารณาแนวทางนำเรือไปวิ่งให้บริการเส้นทางส่วนต่อขยายของเรือด่วนเจ้าพระยาในปัจจุบันหรือเรือเพื่อใช้ในการท่องเที่ยวในแม่น้ำด้วย
ส่วนราคาค่าโดยสาร สำหรับผู้ประกอบการที่จัดซื้อเรือไฟฟ้ามาวิ่งในเส้นทาง โดยกรมเจ้าท่า ยอมรับว่าในอนาคตแม้จะมีการปรับโครงสร้างราคาค่าโดยสาร แต่การใช้เรือไฟฟ้า ซึ่งเป็นพลังงานที่ประหยัดจะไม่ทำให้ค่าโดยสารแพงกว่าในปัจจุบัน
ทางด้านนายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA กล่าวว่า บริษัทมีแผนงานที่จะนำเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนมาใช้ในยานยนต์ไฟฟ้าหลากหลายประเภทให้มากที่สุด เนื่องจากจะช่วยประหยัดพลังงานและลดมลภาวะได้เป็นอย่างดี จึงได้ลงทุนออกแบบและผลิตเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าที่เป็นฝีมือของคนไทย 100% ต่อเนื่องด้วยรถบัสโดยสารไฟฟ้า โดยนำเทคโนโลยีการชาร์จ DC Fast Charger ของ EA Anywhere ทันสมัยที่สุดของกลุ่ม EA สามารถชาร์จเร็วทั้งเรือและรถบัสไฟฟ้าได้ภายใน 15 – 20 นาที มาสร้างระบบนิเวศน์ยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย เข้าสู่การเดินทางที่ประหยัดพลังงานและไร้มลพิษ
“เราพร้อมให้บริการยานยนต์ไฟฟ้าระบบขนส่งมวลชน ทั้งเรือพลังงานไฟฟ้าและรถบัสโดยสารไฟฟ้า ปัจจุบันเรือพลังงานไฟฟ้า MINE Smart Ferry ลำแรกสร้างเสร็จสมบูรณ์ โดยเป็นเรือโดยสารไฟฟ้าที่ทันสมัยที่สุด และได้รับการจดทะเบียนเป็นเรือพลังงานไฟฟ้าลำแรกของประเทศเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการสร้างเรือที่เหลือ โดยมีงบประมาณลงทุนทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท” นายอมร กล่าว
นอกจากนี้ ยังนำรถบัสโดยสารไฟฟ้ามาทดลองให้บริการตั้งแต่ปลายปี 2562 และกำลังจะเริ่มผลิตจริงในต้นปีหน้า โดยจุดเด่นที่สำคัญที่สุดของกลุ่ม EA คือ การมีโรงงานผลิตแบตเตอรี่เป็นของเราเอง และการออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องอัดประจุไฟฟ้า DC Fast Charger ของ EA Anywhere ให้สามารถชาร์จไฟฟ้าได้ภายในเวลาเพียง 15-20 นาทีเท่านั้น ทำให้รองรับการใช้งานได้ตรงจุด ประหยัดค่าพลังงาน ประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งมีความคล่องตัวในการขยายจุดติดตั้งทั่วประเทศ โดยโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทย่อย ที่ชื่อบริษัท ไมน์ โมบิลิตี คอร์ปอเรชั่น จำกัด นั้น ปัจจุบันอาคารโรงงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องจักรและทดสอบการผลิต อีกทั้งอยู่ระหว่างสร้างโรงงานผลิตรถบัสไฟฟ้าอีกด้วย โดยมั่นใจว่าจากปีปลายนี้เป็นต้นไป จะเป็นโอกาสที่ดีที่คนไทยจะได้มีประสบการณ์ในการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบต่าง ๆ และได้เห็นถึงข้อดีของยานยนต์ไฟฟ้า คุณภาพ และประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นทางเลือกในการใช้ยานพาหนะเดินทางที่ประหยัดพลังงาน ค่าโดยสารไม่แพง สะอาด ปลอดภัย และเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดี.-สำนักข่าวไทย