กรุงเทพฯ 20 ส.ค. – การท่องเที่ยวฯ เตรียมแผนกระตุ้นคนไทยเที่ยวไทยแบบเป็นกรุ๊ปทัวร์ แทนการเปิดประเทศให้ต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวช่วงปลายปีนี้ เพื่อช่วยภาคธุรกิจด้านหน้าต่อไปได้
นายอนันต์ วงค์เบญจรัตน์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวในงานเสวนา “ ก้าวต่อไปเศรษฐกิจไทย-จีน โอกาสหรืออุปสรรคหลังโควิด” จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ว่า ยอมรับว่าจากปัญหาโควิด-19 ระบาดปีนี้ ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างมาก เพราะไม่สามารถดำเนินธุรกิจใด ๆ ได้มากนัก เพราะหากดูตัวเลขกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนแต่ละปีมีสัดส่วนมากถึงกว่า 10 ล้านคนและปีนี้คาดว่าจะเหลือเพียง 1.2 ล้านคน เป็นช่วงที่คนจีนมาเที่ยวไทยก่อนที่โควิดระบาด แม้ว่าขณะนี้ไทยจะได้รับความสนใจว่าเป็นประเทศที่ดูแลการแพร่ระบาดโควิดได้เป็นอย่างดี แต่ไทยก็ยังไม่สามารถที่จะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้ เนื่องจากโควิดยังระบาดทั่วโลก และไทยไม่มั่นใจหากเปิดประเทศจะสามารถป้องกันโควิดได้คงจะต้องรอให้มีวัคซีนก่อน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่การท่องเที่ยวกำลังพิจารณา คือ จะเน้นแนวทางการให้คนไทยท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ โดยกำลังดูสถานที่ทั้งในกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ชลบุรี ภูเก็ต ให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ โดยจะดึงคนในพื้นที่เหล่านี้เข้ามาร่วมโครงการนี้ด้วย คาดว่าหากได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องน่าจะนำแนวทางการท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์มาใช้ปลายปีนี้ จะเป็นหนทางที่กระตุ้นแหล่งท่องเที่ยวของไทยได้และยังเป็นการทำให้แต่ละพื้นที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวอีกด้วย โดยรูปแบบการท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์นี้จะมีความชัดเจนเร็วนี้
นายหยาง ซิน อุปทูต สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน (ประจำประเทศไทย) ได้ปาฐกถาพิเศษ “การต่อสู้ไวรัสโควิด เพื่อชาวจีนและชาวโลก” ว่า นับตั้งแต่โควิด-19 ระบาดประเทศจีนปลายปี 2562 จะเห็นได้ว่าผู้บริหารจีนไม่ได้นิ่งนอนใจพยายามหาทางป้องกันและเร่งหาทางลดการแพร่ระบาดโรคดังกล่าวทุกทางอย่างเต็มที่ จนขณะนี้ถือได้ว่าจีนสามารถป้องกันโควิด-19 ได้ดีอย่างมาก แต่ถึงกระนั้นโรคโควิดคงจะยังไม่หายไปจากโลกนี้จนกว่าจะมีวัคซีน ซึ่งขณะนี้จีนได้คิดค้นและทดลองวัคซีนมีความคืบหน้าไปมากและได้จัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนพร้อมแล้ว จึงคิดว่าอีกไม่นานวัคซีนที่จีนคิดค้นจะประสบผลสำเร็จและนำมาป้องกันให้ชาวจีนและชาวโลกได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม จีนไม่เพียงแต่ดูแลคนภายในประเทศเท่านั้น ทางผู้บริหารของจีนได้ให้ความสำคัญประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกทั้งด้านเงินทุนและด้านอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะช่วยเหลือนานาประเทศทั่วโลกในหลายประเทศรวมถึงไทย ซึ่งในแง่ความสัมพันธ์ไทย-จีนในช่วงที่ผ่านมาถือว่าไทยและจีนมีความสัมพันธ์กันหลายด้านโดยการค้าและการลงทุน แม้ว่าจีนจะประสบปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่สามารถต่อสู้จนทำให้เศรษฐกิจไม่ได้ทรุดตัวลงไปมาก โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนยังเติบโตได้ถึงร้อยละ 5.6 และเชื่อว่าทั้งปียังเติบโตได้ดีแม้ว่าจะไม่มากขึ้นก็ตาม ซึ่งในส่วนของการค้ากับไทยยังเติบโตได้ดีเห็นได้จากสินค้าทางการเกษตร เช่น ทุเรียน จีนนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้มากถึงร้อยละ 73 และคิดว่ามากที่สุดของการส่งออกทุเรียนไทยไปตลาดต่างประเทศทั่วโลก ขณะที่การลงทุนจีนมีแผนลงทุนทั่วโลกมากกว่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจีนมีแผนลงทุนไทยมากกว่า 71,000 ล้านบาท และมีแผนสัมพันธ์ที่ดีมาโดยตลอดและอีกยาวนานด้วยกัน.-สำนักข่าวไทย