กรุงเทพฯ 23ก.ค.- ลูกสาวเจ้าของร้านหมูแดง ย่านภาษีเจริญ เชื่อพ่อถูกฆาตกรรมอำพราง ก่อนถูกไฟคลอกดับเสียชีวิต เนื่องจากพบพิรุธหลายอย่าง
เมื่อเวลา13.00 น. ที่ สน.บางขุนเทียน พล.ต.ต. อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ดูแลงานสืบสวน ร่วมประชุมร่วมกับ พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 พร้อม พ.ต.อ.วิศิษฐ์ สังขนันท์ ผกก.สน.บางขุนเทียน เพื่อเร่งคลี่คลายข้อสงสัย และ สืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงทั้งหมด คลายข้อสงสัย ให้ กับครอบครัวผู้เสียชีวิตในคดีเพลิงไหม้บ้านเลขที่ 363/1 เปิดเป็นร้านข้าวหมูแดงหมูกรอบ ถนนราชพฤกษ์ เขตภาษีเจริญ โดยในที่เกิดเหตุ พบศพนายอนันต์ แสงอุไร อายุ 66 ปี เจ้าของบ้าน และเร่งรัดให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการขอเอกสารการแจ้งตาย จากทางนิติเวช มาประกอบสำนวนคดี โดยวันนี้ มีทนายรณณงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อม น.ส.ยุพาพัชร์ อธิคมสิริกุล ลูกสาวผู้ตาย นำหลักฐานเพิ่มเติม มามอบให้ตำรวจด้วย หลังเชื่อว่า เหตุการณ์ดังกล่าว อาจเป็นคดีฆาตกรรมอำพราง
ด้าน พ.ต.อ.นครินทร์ กล่าวว่า ตำรวจและกองพิสูจน์หลักฐาน ได้เข้าตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุอีกครั้ง หลังมีรายงานแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช ว่า นายอนันต์ เสียชีวิต จากขาดอากาศหายใจ จากการบีบรัดบริเวณลำคอ และยังพบว่ากระดูกต้นคอผู้ตายเว้าและแตก แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นคดีฆาตกรรมหรือไม่ เพราะอาจเกิดจากการล้ม เพราะลักษณะศพนอนคว่ำ แต่เนื่องจากเป็นการตายผิดธรรมชาติ อีกทั้งหลักฐานหลายอย่างถูกไฟไหม้ไปแล้ว จึงยังต้องรอผลการตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง ขณะที่การสอบพยานเ พบว่ามีข้อมูลสอดคล้องกันกับคำให้การของลูกผู้ตาย แต่ตำรวจยังต้องตามหาเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนแรก และบุคคลอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียงมาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ทั้งนี้ยังไม่พบว่าสาเหตุ จะเกิดจากปัญหาหนี้สินหรือความขัดแย้งอื่นๆ แต่ตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง
น.ส.ยุพาพัชร์ กล่าวว่า ปกติพ่อจะนอนบนเตียงตัวเองในห้องนอน ไม่นอนที่อื่น ซึ่งวันเกิดเหตุเพื่อนบ้านพบว่ามีควันไฟออกมาจากกลางบ้าน ทั้งที่จุดนั้นไม่มีปลั๊กไฟ และจะมีเพียง 2 แห่ง คือห้องน้ำและข้างประตู หากเป็นไฟลัดวงจรต้องเป็นที่ห้องนอนที่มีแอร์และปลั๊กไฟ ซึ่งเพื่อนบ้านได้ทุบข้างฝา ก็ไม่มีคนตอบรับ และที่น่าสงสัยคือสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท ที่พ่อสวมใส่ประจำหายไป อีกทั้งลักษณะศพของพ่อที่นอนคว่ำ เมื่อแพทย์ชันสูตรศพ ก็สรุปว่าพ่อไม่ได้เสียชีวิตจากการสำลักควันไฟ แต่มีรอยนิ้วมือบีบ และกดตรงลำคอ ในหลอดลมมีเพียงเขม่าควันเล็กน้อย ซึ่งอาจเข้าไปหลังพ่อเสียชีวิตก็ได้
น.ส.ยุพาพัชร์ กล่าวต่อว่า กิจวัตรประจำวันของพ่อ คือ ตื่นเวลา 23.00น. ไปจ่ายตลาดแล้วกลับมา เวลา 01.00น.ก่อนเตรียมอาหาร เพื่อเปิดร้านเวลา 04.00 น. แล้วจะขายเสร็จช่วง เวลา 14.00-15.00 น. โดยจะมีลูกจ้างหญิง 2 คนทำงานด้วย จากนั้นพ่อจะนั่งพักดื่มเบียร์เป็นกิจวัตร กระทั่ง 18.00-19.00 น.จึงจะเข้านอน ทั้งนี้ วันเกิดเหตุไม่ทราบว่าพ่ออยู่กับใคร แต่คนงานบอกว่าพ่อนั่งอยู่กับผู้ชาย 2 คน แต่ไม่เห็นหน้า นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมกตัญญูคนแรกที่เข้าไปช่วยเหลือ บอกว่ามีโซ่ล็อกประตูไว้จากนอกบ้าน ซึ่งปกติพ่อจะปิดประตูเหล็กแง้มไว้ หากนอนจึงจะล็อกประตูจากด้านใน แต่ถ้าคนในบ้านยังกลับไม่ครบจะคล้องกุญแจขัดไว้โดยไม่ได้ล็อกอย่างไรก็ตาม น.ส.ยุพาพัชร์ เชื่อว่า คดีนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับคดีการหายตัวไป ของ น.ส.นันทิยา หรือออย แสงอุไร อายุ 37 ปี พี่สาวที่หายสาบสูญไปเมื่อปี 2560 ซึ่งพ่อเคยไปร้องทุกข์ที่กองบังคับการปราบปราม ก่อนจะเซ็นหนังสือยกเลิกการตามหาตัวไป นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุยังพบว่ามีบัตรประชาชน ใบขับขี่ และบิลค่าไฟของบุคคลแปลกหน้าที่ ไม่ใช่เพื่อนของพ่อ ที่มาพักอยู่ด้วยกัน ซึ่งเป็นคนที่ครอบครัวไม่เคยพบมาก่อนด้วย
และมีรายงานแจ้งว่า น.ส.นันทิยา ที่หายสาบสูญไปเมื่อปี 2560 นั้น ทางครอบครัว เชื่อว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับนายซีม่อน บินตัน อายุ 53 ปี ชาวอิสราเอล ผู้ต้องหาฆ่าหั่นศพ นายเฮลิยาฮู โคเฮน อายุ 63 ปี อดีตตำรวจเพื่อนร่วมชาติ โบกปูนในท้องที่ สภ.บางบัวทอง – สำนักข่าวไทย