แพร่ 4 ก.ค. – อธิบดีกรมศิลปากร สั่งแจ้งความเร่งรัดคดีบอมเบย์ เบอร์มา สาวถึงต้นตอ ยืนยันแม้ไม่ได้ขึ้นทะเบียนก็ยังเป็นโบราณสถานที่กรมศิลป์ต้องดูแลตรวจสอบ ย้ำการฟื้นฟู ต้องก่อสร้างให้กลับมาสภาพเดิมให้มากที่สุด
นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร พร้อมนางกานต์เปรมปรีด์ ชิตานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ นำเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบความคืบหน้าการฟื้นฟูอาคาร “บอมเบย์ เบอร์มา” ในสวนรุกขชาติเชตวัน หลังถูกทุบทิ้งจนเหลือแต่ซาก ซึ่งนายประทีป ได้มอบอำนาจให้ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองแพร่ ดำเนินคดีกับผู้ที่รื้อถอนอาคาร ซึ่งผิดตามพระราชบัญญัติโบราณสถานโบราณวัตถุศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ 2504 ห้ามมิให้ผู้ใดซ่อมแซม แก้ไข เปลี่ยนแปลง รื้อถอน ต่อเติม ทำลาย เคลื่อนย้ายโบราณสถานหรือส่วนต่าง ๆ ของโบราณสถาน หรือขุดค้นสิ่งใด ๆ หรือปลูกสร้างอาคาร ภายในบริเวณโบราณสถาน เว้นแต่จะกระทำตามคำสั่งของอธิบดีหรือได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีและถ้าหนังสืออนุญาตนั้นกำหนดเงื่อนไขไว้ประการใดก็ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ซึ่งกรณีบ้านบอมเบย์ เบอร์มา เป็นโบราณสถานประเภทไม่ขึ้นทะเบียนก็มีโทษปรับไม่เกิน 700,000 บาท จำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
ซึ่งนายไกรสิน อุ่นใจจินต์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ กล่าวว่า ได้เข้าแจ้งความแล้ว ตั้งแต่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ได้ส่งเจ้าหน้าที่กลุ่มอนุรักษ์โบราณสถานลงพื้นที่มาตรวจไม้ ทำรูปแบบรายการ เพื่อมาประกอบอาคารหลังนี้ให้กลับมาเหมือนเดิมให้ได้มากที่สุด โดยการดำเนินงานในเรื่องแบบและการประเมินราคาต่างๆ เป็นกรมศิลปากรดูแล ส่วนงบประมาณ กรมอุทยานฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบ สำหรับการสำรวจทางโบราณคดี ต้องรออีกประมาณ 1 อาทิตย์ แบบอาคารจะแล้วเสร็จ จากนั้นจะส่งไปให้กรมศิลปากร สำนักสถาปัตย์ มาตรวจดูความเหมาะสมชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ไม่เกิน 1 เดือน ก็จะสามารถนำเสนอให้ทางกรมอุทยานฯ ดำเนินการต่อได้ ซึ่งรูปแบบเบื้องต้น มี 3 แบบ คือแบบโบราณดั่งเดิมก่อนถูกรื้อ แบบที่มีการประยุกต์ปรับปรุง และแบบอาคารล่าสุด โดยจะนำทั้งสามแบบ ทำประชาพิจารณ์ ให้ชาวแพร่ได้เลือกว่าต้องการแบบไหน .- สำนักข่าวไทย