รัฐสภา 1 ก.ค.- นายกรัฐมนตรี ระบุ การจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 64 ยึดตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ มีแผนงานที่ชัดเจน ใช้งบฯ คุ้มค่าโปร่งใส เร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยวหลังโควิด-19 ย้ำใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯทำให้สถานการณ์ในประเทศดีขึ้น
เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. หลังน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย อภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงว่า ขอบคุณและยินดีรับฟังทุกข้อเสนอแนะ หลายหน่วยงานได้ประเมินตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ อาจจะตรงและไม่ตรงกันบ้าง ทั้งจากธนาคารโลก ธนาคารแห่งประเทศไทย ภาคธุรกิจ ภาคเอกชน แต่สรุปแล้ว คือลดลงอย่างแน่นอน เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้ เป็นข้อเท็จจริงที่ต้องยอมรับ ในส่วนการใช้งบประมาณปี 64 และของปี63 ในไตรมาสสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ รวมถึงเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ต้องนำมาดำเนินการต่อ และต้องใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และผู้ประกอบการรายย่อย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาบรรเทาผลกระทบก็จะส่งผลให้รัฐจัดเก็บรายได้ลดลง ทำให้รัฐบาลต้องมีมาตรการรองรับและหาแนวทางจัดเก็บรายได้เพิ่มเติม เช่นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และโลจิสติกส์ ที่ถือเป็นความจำเป็นพื้นฐานสำหรับประชาชน และช่วยอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ซึ่งจะต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้ฟื้นตัวเร็วขึ้นและลงทุนมากขึ้น สิ่งต่างๆเหล่านี้รัฐบาลมองถึงอนาคต และแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่เคยเกิดขึ้น ในส่วนของงบประมาณปี 64 จะพิจารณาใช้อย่างเหมาะสม คุ้มค่า โปร่งใสในแต่ละโครงการ ตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ และสอดคล้องกับแผนงานที่กำหนดไว้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทราบดีถึงผลกระทบที่ทุกภาคส่วนได้รับ โดยเฉพาะแรงงานที่โดนลดค่าแรง แต่ต้องการให้เกิดการจ้างงานอยู่ จึงต้องฟื้นฟูภาคธุรกิจเพื่อให้เกิดการจ้างงานต่อเนื่อง ส่วนการค้าการลงทุน และการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว หลังโควิด-19 คลี่คลาย เป็นสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการให้ไทยมีศักยภาพเพื่อให้ไทยน่าลงทุน สิ่งใดที่ฝ่ายค้านให้ปรับปรุงก็ขอให้เสนอแนวคิดวิธีการมาอย่างละเอียดเพื่อประกอบการพิจารณา ขอให้ทุกคนช่วยกันรวมไทยสร้างชาติ ส่วนที่มีการท้วงติงว่ารัฐหว่านงบประมาณไปยังโครงการต่าง ๆ นั้น ต้องย้อนถามว่า ประชาชนได้รับเงินตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ สิ่งสำคัญคือการบริหารจัดการหนี้สาธารณะให้ได้ และบ้านเมืองต้องสงบ ถึงจะมีการเข้ามาลงทุน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ฝ่ายการเมืองต้องไม่เข้าไปแทรกแซงการทำงาน การใช้จ่ายงบประมาณของกระทรวงและท้องถิ่น ส่วนกรณีการจัดสรรงบประมาณกระทรวงกลาโหม และการมีกำลังพลสนับสนุนงาน ทหารไทยมีหน้าที่ทั้งการพัฒนาและป้องกันประเทศ จำเป็นต้องมีผู้ทำหน้าที่ดูแลเขตแดนประเทศ แม้ในช่วงที่สถานการณ์สงบ เพราะหากไม่มีกำลังพลทางทหารจะไม่มีส่วนงานใดทำหน้าที่ดังกล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การตั้งข้อสังเกตที่รัฐบาลมีกฎหมายหลายฉบับในการควบคุมดูแลประเทศในขณะนี้ โดยเฉพาะ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ คนส่วนใหญ่ก็ไม่เดือนร้อน มีเพียงคนบางกลุ่มเท่านั้นที่เดือดร้อน ขอให้ไปดูเนื้อหาของ พ.ร.ก.ดังกล่าวในรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร หากไม่บังคับใช้สถานการณ์การแพร่ระบาดคงไม่ดีขึ้นอย่างเช่นทุกวันนี้
ส่วนที่ฝ่ายค้านตั้งฉายาว่า บิดาแห่งความเหลื่อมล้ำ ผู้นำแห่งการก่อหนี้ นายกรัฐมนตรี ไม่ขอแสดงความเห็นและไม่ขอตั้งฉายาให้กับใครทั้งสิ้น.-สำนักข่าวไทย