ทำเนียบฯ 21 พ.ค.- ศบค.ยืนยันผู้ลงทะเบียนแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” ไม่ต้องกังวลข้อมูลส่วนตัว โดยเฉพาะด้านธุรกิจการเงิน ย้ำใช้เฉพาะการควบคุมโรค แจงข้อมูลทั้งหมดส่งกระทรวงสาธารรณสุข บันทึก 60 วัน จากนั้นลบทำลายทิ้ง
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด19) หรือ ศบค. แถลงถึงภาพรวมการใช้แพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” ว่า มียอดผู้ประกอบการ กิจการและธุรกิจมาลงทะเบียน 73,295 ร้าน มีผู้มาใช้งานจำนวน 6,333,746 คน เช็กอิน 11,570,610 ครั้ง เช็กเอาท์ 8,652,113 ครั้ง ประเมินร้านค้าที่ใช้บริการแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” 5,200,209 ครั้ง ผู้มาใช้บริการส่วนใหญ่ให้คะแนนประเมิน 5 คะแนน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในจำนวนของผู้ที่มาลงทะเบียน มีเจ้าหน้าที่ไปสุ่มตรวจ 21,697 ร้าน พบมีผู้ประกอบการปฎิบัติไม่ครบ 31 ร้าน ส่วนใหญ่ปัญหาที่พบคือ ไม่มีการเว้นระยะห่าง ร้อยละ 53.2 สำหรับเรื่องร้องเรียนจากสายด่วน 191, 1599, และ1138 เรื่องที่พบมากที่สุดคือ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งต้องขอบคุณผู้ร้องรียน ที่ช่วยเป็นหู เป็นตา สอดส่องความเรียบร้อย สำหรับสถานที่ที่มีการร้องเรียนมากที่สุด คือ ร้านอาหาร รองลงมา คือ ร้านเสริมสวย ร้านค้าปลีก/ย่อยและสนามกีฬาตามลำดับ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึง การต้องข้อสังเกตเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลทั้งส่วนตัวและธุรกิจของผู้ลงทะเบียนแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” ว่า ข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งไปยังกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยจะเก็บข้อมูลไว้เป็นเวลา 60 วัน ก่อนจะลบทิ้ง และข้อมูลนี้จะไม่ถูกเปิดเผย ขณะที่ ผู้ใช้บริการ หากไม่ต้องการลงทะเบียนแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” จะต้องใช้วิธีจดข้อมูลชื่อและรายละเอียดไว้ ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
“สาเหตุที่ต้องลงทะเบียนและเก็บข้อมูลจำนวน 60 วัน เนื่องจากเคยพบข้อมูลประวัติการติดเชื้อถึง 4 ช่วงเวลาติดต่อกัน และกรณีการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ในวันนี้ (21พ.ค.) ไปใช้บริการรที่ร้านตัดผม จะทำให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบตามหาข้อมูลของบุคคลที่อยู่ในความเสี่ยงจากแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” ได้ง่ายกว่าการต้องไปติดตามแบบปกติที่ไม่มีการลงทะเบียน ที่สำคัญคือจะเพิ่มขีดความสามารถในการควบคุมได้อย่างรวดเร็วและง่าย ดังนั้น แพลตฟอร์มดังกล่าวจะถูกใช้งานเพื่อการควบคุมโรคเท่านั้น ไม่ใช่การตรวจสอบเรื่องธุรกิจหรือการเงิน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว .- สำนักข่าวไทย