สธ.18 พ.ค.-กรมควบคุมโรค แจงอัตราการป่วยโควิด-19 รายใหม่ 3 คนพบเป็นการติดเชื้อจากการทำงาน ห่วงกระแสผ่อนปรนมาตรการกิจกรรม/กิจการ ทำให้คนแออัดตามสถานที่ต่างๆ ชี้คนแน่นห้างวานนี้ เป็นบทเรียน วันต่อไปไม่ควรแน่น ต้องทำตามาตรการของกระทรวงสาธารณสุข
นพ.อนุพงค์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 วันนี้(18พ.ค.) พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 3 คน ซึ่งเป็นการติดเชื้อภายในประเทศ เกิดการติดเชื้อจากการทำงาน ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลการติดเชื้อที่พบว่า ร้อยละ 50 เป็นการติดเชื้อในครอบครัว จึงเป็นสาเหตุให้ต้องมีการให้คำแนะนำว่า คนในครอบครัว ควรมีการเว้นระยะห่างกัน และแยกสำรับอาหาร ขณะที่ร้อยละ 26 เป็นการติดเชื้อในการทำงานใกล้ชิดกัน ทั้งการทำงานหรือการรับประทานร่วมกัน ดังนั้น ควรเว้นระยะห่าง ใส่หน้ากากอนามัย เป็นเรื่องสำคัญมาก
นพ.อนุพงค์ กล่าวว่า การติดเชื้อจากที่ทำงานหรือจากที่บ้าน เกี่ยวเนื่องกับการอยู่ด้วยกัน ดังนั้นใครออกมานอกบ้าน ถือว่ามีความเสี่ยง วานนี้ (17 พ.ค.)เป็นวันผ่อนปรนมาตรการกิจกรรม-กิจการ มีการเปิดห้างสรรพสินค้าเป็นวันแรก ภาพที่เห็นคนเดินห้างกันจำนวนมาก มีความแออัดกันสูงมาก ภาพเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้น วันแรกของการเปิดห้างยังพอรับได้ แต่วันถัดไปจากนี้ทางผู้ประกอบการ ห้างสรรพสินค้าต่างๆ ต้องปฏิบัติและทำตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข เริ่มตั้งแต่การคัดกรอง ก่อนเข้าห้าง มีการเว้นระยะห่าง ลดความแออัด ประชาชนที่มาใช้บริการต้องใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ และประชาชนทั่วไปต้องหมั่นสังเกต หากต้องการเดินห้าง แต่เห็นว่ามีความแออัด แน่น ต้องไม่เข้าไป ไม่เช่นนั้นจะติดโรคได้
นพ.อนุพงค์ กล่าวว่า ช่วงหลังๆ ที่ผ่านมา การพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด -19 พบว่า ในคนที่ผลการตรวจยืนยันเป็นบวก แต่กลับพบว่า มีอาการน้อย บางคนไม่มีอาการ ที่น่าสังเกตคือผู้สัมผัสเกี่ยวข้องก็ไม่มีอาการแต่การตรวจเชื้อกลับพบเป็นบวกเช่นกัน ฉะนั้นการเดินห้างสรรพสินค้า ที่เบียด เสียด หนาแน่น ไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่าใครได้รับเชื้อโควิด -19 แต่จะสามารถแพร่เชื้อโรคได้ ทั้งที่ไม่แสดงอาการ
นพ.อนุพงค์ กล่าวด้วยว่า จากกรณีที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าประเทศไทย เข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการในวันนี้ ยังไม่มีองค์วามรู้ที่แน่ชัด เกี่ยวกับโควิด-19 เนื่องจากเป็นโรคอุบัติใหม่ แต่การรอดชีพในสิ่งแวดล้อมของเชื้อโคโรนาไวรัส ซึ่งอยู่ในกลุ่มไวรัสเดียวกับ ซาร์ส เมอร์เอง ก็พบว่า ปัจจัยสำคัญคือความร้อนกับความชื้นมีผล โดยฤดูฝน มีความชื้น อุณหภูมิลดลง เชื้อไวรัสจึงอยู่ได้นาน แต่ในการวินิจฉัยในช่วงฤดูฝน แพทย์ต้องหมั่นสังเกต เพราะหากโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่คล้ายคลึงกันมาด้วยอาการไข้สูง แต่ไข้หวัดใหญ่ การดำเนินของโรคช้ากว่า และไม่ใช่ทุกรายจะปอดอักเสบ แต่ในผู้ป่วยโควิด-19 การดำเนินของโรคเร็วและ เสี่ยงปอดอักเสบได้ง่าย ทั้งนี้ในการตรวจยืนยันโรคโควิด-19 หากพบว่าผลเป็นลบ ก็ต้อง ตรวจสายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่ซ้ำด้วยเพื่อการรักษาที่แม่นยำ เพื่อรับยาทามิฟูล .-สำนักข่าวไทย