ก.สาธารณสุข 17 พ.ค. – สธ.ย้ำคนไทย ยังต้องป้องกันระวังตัวเอง แม้สถานการณ์ดีขึ้น ห่วงคนไทยการ์ดตก หลังผลสำรวจพฤติกรรมการป้องกันตัวลดลงทุกด้าน จับตาสถานการณ์ช่วง 14-28 วันหลังผ่อนคลายระยะ 2
น.พ.อนุพงศ์ สุจริยากุล นายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค และน.พ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย ร่วมแถลงสถานการณ์โรคโควิด 19 โดย น.พ.บัญชา กล่าวว่า ถึงแม้ว่าสถานการณ์โดยรวมจะดีขึ้น และในวันนี้เป็นวันแรกที่รัฐบาลได้เริ่มผ่อนคลายกิจการ และกิจกรรม ระยะที่ 2 หลายคนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ โดยเฉพาะในห้างสรรพสินค้าที่เปิดวันแรกวันนี้ มีการนำเสนอว่ามีคนจำนวนมากไปเข้าคิวรอเข้าห้าง กลุ่มผู้ที่ออกนอกบ้าน ถือเป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงที่อาจนำเชื้อเข้ามาให้คนในครอบครัว จึงอยากขอความร่วมมือให้ประชาชนยังคงปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขต่อไป ทำให้เป็นนิสัย สร้างชีวิตวิถีใหม่ชีวิตวิถีใหม่ ทั้งการเว้นระยะห่างระหว่างกัน 1-2 เมตร สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทุกครั้งที่อยู่ร่วมกับผู้อื่น ล้างมือบ่อยๆ เลี่ยงการรับประทานอาหารจากจานเดียวกัน หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น และหากพบว่าป่วย มีไข้ ไอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อย ปวดเมื่อยตามตัว ให้ไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติที่ผ่านมา และหยุดอยู่บ้าน
สำหรับประชาชนขอให้ยึดหลัก 5 ข้อในการปฎิบัติตน 1.ประชาชนให้คัดกรองตนเองว่าป่วยหรือเสี่ยงป่วย 2.ประเมินความจำเป็นและวางแผนออกนอกบ้านให้น้อยที่สุด 3.เลือกสถานบริการมาตรฐานตามมาตรการของรัฐ 4.ใช้เครื่องป้องกันสวมหน้ากาก เจลแอกอฮอล์ และ 5.ให้ความร่วมมือตามมาตรการของสถานประกอบการ
ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการที่กลับมาเปิดให้บริการ เน้นย้ำ ขอให้จัดให้มีการลงทะเบียนจัดคิวล่วงหน้า จัดสถานที่รอ มีจุดคัดกรอง จุดบริการล้างมือ จัดสถานที่หรือบริการลดแน่น เว้นระยะ ทำความสะอาดจุดเสี่ยง สัมผัสร่วม ดูแลระบบระบายอากาศ งดจำหน่ายสุรา จำกัดเวลาบริการ และจำกัดบริการใกล้ชิดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดระลอก 2
ด้าน น.พ.อนุพงศ์ ได้เปิดเผยผลสำรวจการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ช่วงก่อนและหลังมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 1 (วันที่ 23-30 เม.ย.63 และ วันที่ 8-14 พ.ค. 63) จากกลุ่มตัวอย่าง 2 ครั้ง จำนวนเกือบ 40,000 ราย ที่กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ สำนักงานสถิติแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมสำรวจ พบว่า ที่น่าดีใจคือคนไทยใส่ใจการสวมหน้ากากอนามัยดีต่อเนื่อง เป็นอุปกรณ์ประจำตัว โดยผลสำรวจการสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าทุกครั้ง จากร้อยละ 91.2 เหลือร้อยละ 91.0
แต่ว่าผลสำรวจโดยรวมผลที่ได้ถือว่าน่าเป็นห่วง เพราะประชาชนเริ่มการ์ดตกในหลายด้าน มีความเป็นห่วงว่าหากเป็นเช่นนี้อาจจะเสี่ยงต่อการระบาดซ้ำอีกครั้ง ผลภาพรวม ประชาชนมีพฤติกรรมการป้องกันส่วนบุคคลโดยรวมลดลง จากร้อยละ 77.6 เหลือ ร้อยละ 72.5 การล้างมือด้วยสบู่หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง จากร้อยละ 87.2 เหลือร้อยละ 83.4 การกินร้อน ใช้ช้อนกลางของตนเองทุกครั้ง จากร้อยละ 86.1 เหลือร้อยละ 82.3 การระวังไม่อยู่ใกล้คนอื่น ในระยะน้อยกว่า 2 เมตรทุกครั้ง จากร้อยละ 65.3 เหลือร้อยละ 60.7 ไม่เอามือจับหน้า จมูก ปาก ทุกครั้ง จากร้อยละ 62.9 เหลือร้อยละ 52.9
จึงอยากฝากย้ำแม้สถานการณ์จะดีขึ้น แต่ประชาชนยังต้องป้องกันตนเองอยู่เสมออย่าปล่อยให้การ์ดตก เพราะสิ่งที่น่ากังวล และต้องติดตาม คือผลหลังจากที่เริ่มผ่อนปรนสถานการณ์ 14-28 วัน ซึ่งเป็นช่วงที่เชื้อฟักตัว หากผลไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจ คงต้องกลับมาทบทวนกฏกติกาในสังคมกันใหม่อีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย