กทม. 9 พ.ค. – สปสช. จับมือคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ตรวจคัดกรองเชิงรุกกลุ่มเสี่ยงโควิด-19 ในสถานกักขังกลางปทุมธานี และศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง เพื่อสกัดการแพร่ระบาด
คนไร้บ้าน เร่ร่อน ที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งนนทบุรี ส่วนมากเป็นวัยกลางคนถึงสูงอายุ รวมถึงผู้พิการ ทยอยเข้ารับการตรวจโดยวิธีสวอป หาเชื้อโควิด-19 จากสารคัดหลั่งหลังโพรงจมูก โดยเจ้าหน้าที่ของคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ สปสช. ออกตรวจคัดกรองเชิงรุกกลุ่มเสี่ยง ที่เข้าถึงบริการสุขภาพได้ยาก วิธีนี้นอกจากจะเป็นการตัดวงจรการแพร่ระบาดเพื่อส่วนรวมแล้ว การตรวจนี้ยังเป็นข้อบ่งชี้ให้คนเร่ร่อนที่ต้องรับเคมีบำบัดต่อเนื่อง สามารถนำผลไปยืนยันกับโรงพยาบาลได้
ถือเป็นกระบวนการคัดกรองเชิงรุกของไทย ในกลุ่มเสี่ยงที่มีข้อจำกัด เพื่อให้คนทุกกลุ่มได้มีโอกาสเข้าถึงการคัดกรอง โดยผลตรวจจะรู้เร็วภายใน 24 ชั่วโมง ถ้าเจอผู้ติดเชื้อก็ถือเป็นความโชคดีที่จะสามารถชี้เป้าว่าต้องควบคุมพื้นที่ในจุดไหนอย่างไร
เช่นเดียวกับที่สถานกักขังกลางปทุมธานี ผู้ต้องขังเป็นกลุ่มที่เข้าเร็วออกเร็ว หลากอาชีพ ขณะนี้มีผู้ต้องขังทั้งหมด 175 คน คนไทย 132 คน ชาวต่างชาติ เช่น ซีเรีย กัมพูชา ลาว เวียดนาม อเมริกา อังกฤษ 43 คน ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงการแพร่ระบาดโควิด-19 ทุกคน รวมทั้งผู้คุมจะได้รับการตรวจคัดกรอง และแยกกักตัว
สปสช. หวังให้การคัดกรองในกลุ่มเสี่ยงเข้าถึงยากครั้งนี้เป็นโมเดลสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ได้ผลมีประสิทธิภาพ และเตรียมขยายระบบตรวจในกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ ต่อไป.-สำนักข่าวไทย