นครปฐม 23 เม.ย. – 2 กระทรวงพบเกษตรกร ผู้ผลิต ผู้ส่งออกอุตสาหกรรมอาหารสำเร็จรูป ร่วมกำหนด 10 มาตรการเชิงรุก จับมือเอกชนบุกตลาดโลก โปรโมทอาหารไทยนำรายได้เข้าประเทศช่วยเกษตรกร
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตร ประชุมร่วมกับเกษตรกร ผู้ผลิต และผู้ส่งออกอุตสาหกรรมอาหารสำเร็จรูป เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาช่วงสถานการณ์โควิด-19 หน้าโรงงานเทพผดุงพร พุทธมณฑลสาย 4
ทั้งนี้ ได้กำหนด 10 มาตรการ คือ 1.กระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชนจะเร่งทำประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความเชื่อมั่นในตลาดโลก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อาหารของประเทศไทยจัดทำคลิป 10 ภาษาสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์กับสายตาชาวโลก 2.ให้ทูตพาณิชย์จัดประชุมออนไลน์ร่วมกับภาคเอกชนในภาคส่วนต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน 3.วางแผนงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์เปิดตลาดใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปและอาหารแปรรูปโดยเฉพาะเพื่อช่วยเอสเอ็มอีมีโอกาสโดยเฉพาะตลาดอาเซียน กลุ่มประเทศเอเชีย กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง กลุ่มประเทศรัสเซียและประเทศที่แยกตัวออกจากรัสเซีย
4.กระทรวงพาณิชย์กับเอกชนจะร่วมมือกันเร่งเจรจาจัดทำเอฟทีเอกับสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรของประเทศอังกฤษโดยเร็ว 5.กระทรวงพาณิชย์จะเร่งดึงสินค้าเกษตรให้กับเกษตรกร รวมทั้งผู้ผลิตแปรรูปเข้ามาอยู่แพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งเป็นช่องทางขยายส่งออกสินค้าไทยได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป 6.เร่งแก้ไขปัญหาด้านขนส่งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์แปรรูปไม่ว่าจะอากาศทางเรือทางบกได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะสินค้าทางบกผ่านเวียดนามและลาวไปจีนยังติดขัดและด้านต่าง ๆ 7.เร่งใช้กลไกเกษตรสัญญาเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับทั้งเกษตรกรและผู้ประกอบธุรกิจอย่สงเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
8.กระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชนจะช่วยกันส่งเสริมการบริโภคน้ำผลไม้ 100% ของไทย แต่ยังติดปัญหาเรื่องของภาษีสรรพสามิตที่ยังเก็บแบบภาษีความหวาน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์และเอกชนไม่ได้ขัดข้องประเด็นนี้ แต่เห็นว่ากรมสรรพสามิตควรจะปรับปรุงทบทวนเรื่องของความหวานที่เกิดจากผลไม้ธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมการดื่มน้ำผลไม้ของไทยมากขึ้น โดยไม่ไปเก็บหรือเพิ่มภาษีความหวานในส่วนของน้ำผลไม้ธรรมชาติ 9.กระทรวงพาณิชย์จะร่วมมือกับภาคเอกชนใช้ห้องเย็นที่มีอยู่กว่า 600 แห่งในประเทศไทยให้เป็นประโยชน์ในการชะลอพืชผลทางการเกษตรสำคัญที่จะออกสู่ตลาดและมีผลกระทบทำให้ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำให้มากขึ้น และ 10.เร่งเจรจากับประเทศออสเตรเลียตั้งกำแพงภาษีการส่งออกสับปะรดกระป๋องที่ส่งออกไปลำดับหนึ่งของโลกมีอัตราภาษีสูงมาก ซึ่งทั้ง 10 แนวทางดังกล่าวจะเร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้นต่อไป
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของอุตสาหกรรมอาหารสำเร็จรูปและแปรรูปเมื่อปี 2562 มูลค่ารวมกัน 870,000 ล้านบาท ปริมาณการผลิตทั้งหมดใช้บริโภคในประเทศร้อยละ 84 ส่งออกร้อยละ 16 สำหรับการส่งออกปีที่แล้วมูลค่า 579,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7.6 ของการส่งออกรวมทั้งหมด อุตสาหกรรมอาหารสำเร็จรูปและแปรรูปของประเทศไทยนั้น ถือเป็นผู้ส่งออกเป็นอันดับ 10 ของโลก ซึ่งสินค้าที่ส่งออกเป็นลำดับ 1 ของโลก ได้แก่ สับปะรดกระป๋อง มะพร้าวกะทิ และข้าวโพดหวานกระป๋อง
ทั้งนี้ ไตรมาสแรกของปีนี้การส่งออกอุตสาหกรรมอาหารสำเร็จรูปและแปรรูปของประเทศไทยนั้น ส่งออกแล้วเป็นมูลค่า 137,756 ล้านบาท สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพในการส่งออกประกอบด้วยอาหารทะเลสำเร็จรูปอาหารสำเร็จรูปผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูป สับปะรดกระป๋องผลิตภัณฑ์กะทิ และข้าวโพดหวาน.-สำนักข่าวไทย