กทม.22 เม.ย.-สสส.รับฟังปัญหาผลกระทบโควิด-19 พร้อมมอบหน้ากากผ้า-น้ำดื่มให้ชาวชุมชนเพชรพระราม เตรียมร่วมกับเครือข่าย จัดมาตรการฟื้นฟูเยียวยาคนจนเมืองเครือข่ายสลัม 4 ภาค
นายสุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวในการลงพื้นที่รับฟัง แลกเปลี่ยน ปัญหาและผลกระทบต่างๆ จากโควิด-19 กับแกนนำเครือข่ายสลัม 4 ภาค พร้อมมอบหน้ากากผ้า จำนวน 500 ชิ้นและน้ำดื่ม 1,500 ขวด ให้แก่ ชุมชนเพชรพระราม กรุงเทพมหานคร ว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบแก่ประชาชนในทุกด้าน ทั้งการดำเนินชีวิต รายได้ และสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มคนจนเมืองเป็นกลุ่มเปราะบางในสังคม การรับฟังปัญหาครั้งนี้จะนำ ไปสู่การฟื้นฟูเยียวยาที่ตรงจุดยิ่งขึ้น
ซึ่ง สสส.มีมาตรการระยะสั้นและมาตรการฟื้นฟูเยียวยา โดยร่วมกับกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย เครือข่ายคนไร้บ้าน และเครือข่ายสลัม 4 ภาค พัฒนากลไกและมาตรการรองรับสถานการณ์โควิด-19 จุดจัด การให้ความช่วยเหลือคนจนเมือง กลุ่มเสี่ยงต่างๆ เช่น คนตกงาน คนไร้บ้าน ทั้งการดูแลช่วยเหลือด้านสุขภาพเบื้องต้น การให้ที่พักอาศัยชั่วคราว พัฒนาเครือข่ายอาสาสมัครในการระดมและกระจายความช่วยเหลือสำหรับคนจนเมือง
นางนุชนารถ แท่นทอง ที่ปรึกษาเครือข่ายสลัม 4 ภาค กล่าวว่า ชุมชนเครือข่ายสลัม 4 ภาคมีฐานะยากจนหาเช้ากินค่ำอยู่แล้ว ผลกระทบที่ได้รับจากวิกฤติโควิด-19 เมื่อถูกเลิกจ้าง หยุดทำงานยิ่งทำให้เดือดร้อนอย่างหนัก ส่วนใหญ่มีอาชีพลูกจ้างรายวัน มอเตอร์ไซต์รับจ้าง ขับแท็กซี่ ขายอาหาร ซึ่งความช่วยเหลือจากภาคส่วนต่าง ๆ ยังไม่ครอบคลุม เครือข่ายฯ ต้องเลือกชุมชนที่ได้รับความเดือนร้อนมากที่สุด หามาตรการช่วยเหลือกันเองบ้าง ประสานความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆบ้าง โดยระยะยาวทุกคนพยายามปรับตัว เช่น ลดค่าใช้จ่ายภายในบ้านโดยการปลูกผักกินเอง เพิ่มรายได้โดยการรับงานมาทำที่บ้าน เย็บหน้ากากผ้า ทำสบู่ ไข่เค็ม เพื่อให้เกิดอาชีพใหม่ๆ ในชุมชน
นางปราณี ประสาทแก้ว ประธานชุมชนเพชรพระราม กทม.กล่าวว่า ในชุมชนฯมีจำนวนครัวเรือน 250 ครัวเรือน หนึ่งในชุมชนเครือข่ายสลัมสี่ภาค เป็นชุมชนแออัด ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ใกล้พื้นที่เสี่ยง ทำให้ทุกคนตื่นตัวและระมัดระวังตนเอง เพราะการเจ็บป่วยเพียง 1 คน ทำให้ครอบครัวล้มได้เลย ซึ่งแต่ละครอบครัวจะมีคนที่ทำงานเป็นเสาหลัก 1 คน แต่ต้องทำงานดูแลสมาชิกที่อยู่รวมกัน 5-8 คน ดังนั้นนอกจากพวกเราพยายามพึ่งพาตนเองแล้ว ก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วน ข้อมูล ณ ปี 2562 มีผู้สูงอายุในชุมชน 80 คน มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือด บางรายเป็นอัลไซเมอร์ พิการ บางรายไม่มีลูกหลานดูแล ชุมชนต้องช่วยกันดูแล มีรายได้จากเบี้ยผู้สูงอายุ และเบี้ยคนพิการ และบางรายต้องได้รับการทำกายภาพบำบัด .-สำนักข่าวไทย