สธ.12 เม.ย.- สธ.เผย เตรียมโรงพยาบาลสนามอีก1 แห่ง ย่านบางซื่อ รองรับผู้ป่วยรายใหม่ ช่วง เม.ย.-พ.ค.ขณะที่โครงการ อสม.เคาะประตูบ้านได้ผลดี ติดตาม ดูแล กลุ่มเสี่ยงครอบคลุม เคาะประตูบ้านได้ถึง 11.8 ล้านหลังคาเรือน
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ( สบส.) นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นพ.สมชาย ตรีทิพย์สถิตย์ ผู้อำนวยการกองสร้างเสริมสุขภาพ สำนักอนามัย กทม.และนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค ร่วมแถลงข่าวสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)ประจำวันที่13 เม.ย.63 ที่กระทรวงสาธารณสุข
นพ.ธเรศ กล่าวถึง บทบาทของอาสาสมัครสาธารณสุข ประจำหมู่บ้าน (อสม.) และโครงการอสม.เคาะประตูบ้าน ที่เริ่มตั้งแต่ 2มีนาคมเป็นต้นมา โดยลงพื้นที่เยี่ยมให้ความรู้ ความเข้าใจ ติดตามกลุ่มเสี่ยง ตั้งแต่2-26 มีนาคม สามารถดำเนินการเคาะประตูบ้านได้ถึง3.3 ล้านหลังคาเรือน ช่วง27มีนาคม -11 เมษายน 63 พบตัวเลขผู้ที่เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ ต้องกักตัว14 วัน อสม.ลงพื้นที่เคาะประตูบ้านเพิ่ม อีก 8ล้านหลังคาเรือน รวมเป็น 11.8 ล้านหลังคาเรือน พบกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง ถึง 660,850 คน กลุ่มนี้พบว่า เป็นกลุ่มที่เดินทางมาจากต่างประเทศถึง 59,178 และเดินทางกลับจากกทม.ถึง 463,756คน รวมถึงเป็นที่กลุ่มที่ใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยง สนามมวย สถานบังเทิง 137,916คน เป็นผลงานที่มีส่วนสำคัญช่วยดูแลติดตามและควบคุมโควิด-19ในพื้นที่
ขณะเดียวกัน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)ได้ให้ความช่วยเหลือ หาก อสม.ติดเชื้อ หรือเสียชีวิตจากการติดเชื้อจากการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงสนับสนุนกรมธรรม์ ถึง 80,000 กรมธรรม์
นอกจากนี้ ภาคเอกชน มีการประสานเตรียมเตียงเพิ่ม เพื่อรองรับสถานการณ์ในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม หากมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น อีกกว่า 40 เตียง เพื่อสนับสนุนภาครัฐ และเตรียมออกประกาศโรงพยาบาลสนาม โดยภาคเอกชนสนใจเข้าร่วมอีก1ที่ อยู่ย่านบางซื่อ และมีโรงแรมอยากเข้าร่วมนับหมื่นเตียง สำหรับการเบิกจ่ายเงินรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งถือเป็นการเจ็บป่วยฉุกเฉิน ให้เข้ารับการรักษาได้ทุกโรงพยาบาลและเคลมสิทธิ์การรักษา ภายหลัง
ด้าน นพ.สมชาย กล่าวว่า กทม.ร่วมกับสำนักงานเขต ให้อาสมัครสาธารณสุข(อสส.) ในกทม.จำนวน 1.5 หมื่นคน เข้าถึงข้อมูล และเคาะประตูบ้าน เพื่อดูฐานข้อมูลกลุ่มเสี่ยง ว่าอยู่พื้นที่ใดบ้าง เพื่อเฝ้าระวังและบอกข่าวให้กับเจ้าหน้าที่
นพ.ภานุวัตน์ กล่าวว่า บทบาทสำคัญของ อสม.คือการให้ความรู้กับประชาชนโดยเฉพาะ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ให้อสม.ลงพื้นที่รณรงค์ทุกชุมชน ให้งดจัดกิจกรรมทุกกิจกรรม งดเดินทางกลับจากกรุงเทพมหานคร ให้สืบสานประเพณีสงกรานต์โดยการสรงน้ำพระพุทธรูปแทน แสดงความกตัญญู ขอพร ผู้ใหญ่ ผ่านออนไลน์ หรือ มือถือ หากต้องการกราบขอพรต้องเว้นระยะห่าง2 เมตร.-สำนักข่าวไทย