สธ.11เม.ย.-รองอธิบดีกรมอนามัย ห่วงคนไทยการ์ดตกช่วงสงกรานต์ แห่เดินทางกลับภูมิลำเนาด้วยรถยนต์ส่วนตัว หรือออกมาทำงานนอกบ้าน เนื่องจากเริ่มเบื่อต่อการอยู่บ้าน ขอให้อดทน มิเช่นนั้นตัวเลขคนป่วยจะพุ่งพรวด แนะสงกรานต์เลี่ยงรดน้ำ อยู่ห่าง 2 เมตร เพราะเชื้อโควิด สามารถอยู่ในน้ำได้ นาน 4-10 วัน ห่วงคนแก่ว้าเหว่ต้องสื่อสารอย่างเข้าใจ คลายความเหงา
นพ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวห่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ที่พบว่าขณะนี้อัตราการป่วยรายใหม่ ดูเหมือนจะลดลง ทำให้การ์ด ป้องกันโรคโควิดอาจตกลง ทั้งเรื่องของการฝ่าฝืนการเดินทาง ไม่อยู่กับบ้านลดโรค รวมถึงมาตรการระยะห่าง 1-2 เมตร โดยจากข้อมูลศูนย์เทคโนโลยีสนเทศ และการสื่อสารสำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม พบว่า อัตราการเดินทางของประชาชนลดลงจากเดิม 3 ล้านคนต่อวัน เหลือ 1ล้านคนต่อวัน โดยสามารถลดการเดินทางได้ร้อยละ65
แต่พบว่าขณะนี้เนื่องจากเข้าเทศกาลสงกรานต์ พบอัตราการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีการขับรถเดินทางออกไปต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น ในรถยนต์ส่วนบุคคลถึงร้อยละ 50 และพบพฤติกรรมของคนในช่วงนี้เปลี่ยนไปเริ่ม ไม่ตระหนักในการป้องกันโรคโควิด ส่วนหนึ่งอาจเพราะเริ่มเบื่อหยุดอยู่นาน เกือบครึ่งออกมาตามท้องถนน เริ่มกลับมาทำงานแล้ว และส่วนหนึ่งออกมาซื้อของแต่ยังโชคดี ที่ร้อยละ90 ยังมีความเข้าใจเรื่องการป้องกันตนเอง จึงไม่อยากให้มีการละเลยในเรื่องนี้ ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ ลดการเดินทาง อยู่ระยะห่าง 1-2 เมตร
นพ.บัญชา กล่าวต่อว่า จากการสำรวจอัตราการป่วย ในระหว่างวันที่ 4-10 เม.ย.พบว่าอัตราการป่วยติดเชื้อ พบในครอบครัวมากที่สุดร้อยละ 55 รองลงมาติดจากที่ทำงานร้อยละ 23 ซึ่งในส่วนการติดในครอบครัว พบว่าส่วนใหญ่เป็นการติดจากสามีภรรยา รองลงมาญาติสนิท และเด็ก
อย่างไรก็ตามไม่อยากให้เทศกาลสงกรานต์มาตรการป้องกันลดลง ทำให้ตัวเลขคนป่วยพุ่งพรวด แนะนำหลีกเลี่ยง 3 ด้าน 1.เลี่ยงการเดินทาง 2.เลี่ยงการเลี้ยงสังสรรค์ และ3.เลี่ยงกราบไหว้ รดน้ำดำหัว ให้นึกว่าสงกรานต์ปีนี้ เป็นสงกรานต์สร้างบุญ งดการสังสรรค์ เป็นสงกรานต์แบบแห้ง เพราะหากมีการเล่นน้ำเชื้อสามารถอยู่ในน้ำได้ 4-10 วัน และเน้นการอวยพรทางไกล หากกราบไหว้ผู้ใหญ่ต้องอยู่ห่าง 2 เมตร ขณะเดียวกันต้องสื่อสารกับผู้ใหญ่ให้เข้าใจไม่เช่นนั้น ห่วงคนแก่ไม่เข้าใจ ต้องเผชิญอารมณ์ว้าเหว่
นพ.บัญชา ยังกล่าวว่า หากมีการเปรียบเทียบ อัตราการป่วยไข้หวัดใหญ่ กับ โควิด-19 ในช่วงนี้จะพบว่าจากสถานการณ์โควิด ส่งผลให้คนไทย มีการปฏิบัติตัวป้องกันการเกิดโรคระบบทางเดินทางหายใจดีขึ้น มีการสวมหน้ากากอนามัย ทำให้ โรคไข้หวัดใหญ่ที่มักพุ่งสูงในเดือน ม.ค.ของทุกปี ในปี 2020 เหลือป่วย 50,000 คน ในเดือนกุมภาพันธ์ เหลือป่วย 32,000 คน และในเดือน มี.ค.เหลือป่วยประมาณ 10,000 คน ส่วนเรื่องการแชร์และส่งต่อการออกกำลังกายสามารถแพร่เชื้อโควิด-19 ในระยะ 20 เมตรนั้น ยังไม่มีข้อมูลทางวิชาการออกยืนยัน แต่ว่าทางที่ดีควรเน้นการออกกำลังในบ้าน ด้วยการเต้นแอโรบิค อย่างน้อย 150 นาที ต่อสัปดาห์ หรือการวิ่งก็ต้องมีระยะห่างใกล้ชิดกัน
นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โควิด-19 พบผู้ป่วยอาการหนักรวม 65 คน ซึ่งทุกคนต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และรักษาตัวในห้องไอซียู ส่วนใหญ่รักษาตัวใน กทม.ส่วนเรื่องการกลายพันธุ์ ยืนยันยังไม่มีข้อมูลทางวิชาการ โดยที่พบอยู่ในสายพันธุ์ขณะนี้ พบสายพันธุ์ เอส และแอล ส่วนเรื่องของการติดเชื้อโควิด ส่งต่อการรับรส และกลิ่นนั้น โคโรนาไวรัส ส่งผลต่อการทำงานของศูนย์ควบคุมการหายใจที่ก้านสมอง แต่ยังไม่ชัดเจนว่าปัญหา ที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นได้อย่างไร ยังต้องมีการติดตามและศึกษาต่อไป .-สำนักข่าวไทย