ทำเนียบฯ 1 เม.ย.- ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 พบผู้ป่วยใหม่ 120 ราย ผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 1,771 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย ย้ำ อยู่บ้านต้องเว้นระยะห่าง ไม่เสี่ยงไม่ต้องตรวจ อุปกรณ์มีอย่างจำกัด ตำรวจชี้ ยังมีกลุ่มคนฝ่าฝืนมั่วสุม ย้ำใช้กฏหมายเด็ดขาด คาดนักเรียนแลกเปลี่ยนในโครงการ AFS ทั้งหมดจะสามารถกลับไทยได้ครบเดือนเมษายนนี้ ยัน กต.ประสานงานดูแลนักเรียนใกล้ชิด
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า วันนี้ (1 เม.ย.) ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 120 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 1,771 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย รวม 12 คน โดยผู้เสียชีวิตล่าสุด รายที่ 11 เป็นชายไทย อายุ 79 ปี อยู่ในพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีโรคประจำตัวคือเบาหวานและไตวายเรื้อรัง และได้เดินทางไปร่วมงานแต่งงานที่ประเทศมาเลเซียป่วยตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคมและเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลของรัฐใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยอาการไข้สูง ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ และปอดอักเสบ
จากนั้นได้ส่งตัวมารักษายังโรงพยาบาลประจำจังหวัดและเสียชีวิตในวันที่ 30 มีนาคมเวลา 08.00 น. รายที่ 12 อายุ 58 ปี เป็นนักธุรกิจเดินทางกลับจากประเทศอังกฤษถึงไทยวันที่ 14 มีนาคม และเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชนเสียชีวิตในวันที่ 31 มีนาคมเวลา 09.00 น. โดยจะต้องตรวจสอบหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ พบว่า มาจากกรุงเทพมหานคร 43 คน สมุทรปราการ 23 คน ภูเก็ต 11 คน ที่เหลือมาจากจังหวัด กระบี่ นนทบุรี ปทุมธานี บุรีรัมย์ สงขลา และชลบุรี
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า จังหวัดที่พบผู้ป่วยรายใหม่ในช่วงวันที่ 25 ถึง 31 มีนาคม ก่อนหน้านี้สองสัปดาห์ไม่พบผู้ป่วยเลย คือจังหวัดชุมพร นครพนมพิษณุโลก หนองคาย อำนาจเจริญ มุกดาหารและลำพูน พบว่าส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร สำหรับอันดับตัวเลขผู้ป่วยสะสมในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด จำแนกเป็น กรุงเทพมหานคร มากที่สุด 850 คน นนทบุรี 104 คน สมุทรปราการ 72 คน ภูเก็ต 71 คน ชลบุรี 47 คน ยะลา 35 คน ปัตตานี 34 คน ทั้งนี้การรณรงค์ให้ทุกคนอยู่บ้านเพื่อลดการติดเชื้อนั้น พบว่าการไม่เพิ่มระยะห่างระหว่างบุคคลของคนในบ้าน ก็จะไม่ทำให้ตัวเลขของผู้ติดเชื้อลดลง ดังนั้นต้องตะหนักว่า คนในบ้านต้องมีระยะห่าง
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ขอบคุณหลายภาคส่วนที่ร่วมกันทำงาน ทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชน โดยเฉพาะการพยายามประยุกต์ใช้สิ่งของต่าง ๆ ที่มี มาทำเป็นอุปกรณ์ในการป้องกันโควิด-19
ด้านพล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่คนไทยทุกคนต้องร่วมมือกัน แต่จากการปฏิบัติในช่วง 4-5 วันที่ผ่านมา พบว่า มีประชาชนฝ่าฝืนข้อกฎหมายทั้งที่บุคลากรทุกคนทำงานอย่างหนัก หลายกรณีมีการขอความร่วมมือ แต่ก็ยังมีการฝ่าฝืน เช่น การไปมั่วสุม หรือตั้งวงเอาสนุกสนาน ลักษณะเช่นนี้ ถือว่า กระทำกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบททั้งผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อ และผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเมื่อวานนี้ (31 มี.ค.) ก็ยังพบมิจฉาชีพร่วมกับต่างชาติกักตุนแอลกกฮอล์จำนวนมาก ถือเป็นความผิดรุนแรง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจึงสั่งการไปยังพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีโดยเด็ดขาด ซึ่งการกระทำเช่นนี้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังพบการกระทำเล็ก ๆ น้อยแต่ส่งผลกระทบที่ทำให้ตื่นตระหนัก ก็จะได้รับโทษเช่นเดียวกัน รวมถึง ยังพบการเล่นพนันที่มีความผิด ตาม พ.ร.บ.การพนัน และผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อด้วย ดังนั้น จึงขอประชาชนอย่าฝ่าฝืน เพราะจะดำเนินการเอาผิดอย่างหนัก และให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับคนที่ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน
ต่อข้อถามว่า มีหลายจังหวัดประกาศมาตรการห้ามออกนอกเคหะสถานในบางเวลา และหากพักอาศัยอยู่ในปริมณฑล จะยังสามารถข้ามจังหวัดมาทำงานได้ตามปกติหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า บุคคลที่พักอาศัยอยู่ในปริมณฑลยังขับรถมาทำงานใน กทม. ได้ตามปกติ เพราะส่วนตัวคิดว่าไม่มีบริษัทใดที่เปิดงานตั้งแต่ก่อน 05.00 น. ซึ่งเป็นเวลาห้ามออกนอกเคหะสถาน แต่หากเป็นการทำงานที่มีความจำเป็นอย่างต้องขนส่งยาและเวชภัณฑ์ก็สามารถออกมาได้
นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สำหรับเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนในโครงการ AFS ที่จะเดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา ผู้ปกครองมีความกังวลต่อการเดินทางกลับนั้น เจ้าหน้าที่ในโครงการแลกเปลี่ยน AFS และกระทรวงการต่างประเทศ ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันมีนักเรียนแลกเปลี่ยนจากต่างประเทศได้ทยอยเดินทางกลับมาบ้างแล้ว และโครงการใหม่ก็ยกเลิกไปแล้ว แต่ขณะนี้นักเรียนแลกเปลี่ยน AFS กลุ่มใหญ่ยังอยู่ที่สหรัฐฯ
อธิบดีกรมสารนิเทศ กล่าวว่า กระทรวงต่างประเทศได้ประสานเรื่องนำนักเรียนกลับมาแล้ว แต่เข้าใจดีว่าผู้ปกครองกังวล ขอยืนยันว่าตอนนี้เครื่องบินพาณิชย์สหรัฐยังเดินทางเข้าไทยได้อยู่ โดยAFS มูลนิธิ ที่ดูแลจะดำเนินการและกต.ก็ดูแลนักเรียนเหล่านี้อย่างใกล้ชิด รวมทั้งมีการให้หลักประกันสุขภาพ คาดว่าทั้งหมดจะสามารถกลับมาได้ครบในเดือนเมษายนนี้ ทุกคนจะต้องมีเอกสารรับรองจากสถานทูตและใบรับรองแพทย์ที่จะสามารถขึ้นเครื่องกลับมาได้ และเมื่อมาถึงประเทศไทยต้องเข้าสู่กระบวนการคัดกรองของทางการไทย ตอนนี้กระทรวงสาธารณสุขได้มีมาตรการตรวจคัดกรองอย่างเข้มข้น และอาจมีการดำเนินการตรวจคัดกรองแบบกลุ่มที่รัดกุมมากขึ้นสำหรับการดูแลนักศึกษาที่จะกลับจากอิตาลี จะมีการดูแลอย่างใกล้ชิดจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและกระทรวงการต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามถึงตัวเลขการติดเชื้อที่แท้จริงมีมากกว่าที่แจ้งข้อมูลไปหรือไม่ จากกรณีที่พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น แต่ตัวเลขเฉลี่ยยังอยู่ประมาณ 100 คน นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า ตัวเลขที่แถลงคือตัวเลขที่แท้จริง แต่ยอมรับว่าในช่วงแรกอาจมีติดขัดบ้าง เนื่องจากบุคลากรและเครื่องมือทางการแพทย์ ที่ใช้ตรวจโรคอาจยังไม่พร้อมหรือมีเพียงพอ และไม่ทันกับสถานการณ์ แต่ขณะนี้ยืนยันว่า แพทย์มีความเชี่ยวชาญด้านการใช้เครื่องมือ และสามารถตรวจได้ถึงวันละ 10,000 เคส อีกทั้งยังต้องเสียสรรพกำลัง และอุปกรณ์การตรวจหาเขื้อไปกับบุคคลที่วิตกกังวลและเข้ามาตรวจ แต่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงและไม่พบเชื้อจำนวนมาก ดังนั้นเมื่อทรัพยากรมีจำกัดก็ขอให้ผู้ที่ยังไม่มีความเสี่ยงอย่าเพิ่งมาโรงพยาบาลอยากให้คนที่มีความเสี่ยงใกล้ชิดกับคนที่ติดโควิด-19มากกว่า
เมื่อถามว่าการกักตัวอยู่บ้านมีความเสี่ยงมากแค่ไหน นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า การที่มีคนอยู่ในบ้านมากกว่า 1 คนก็มีความเสี่ยง จึงขอให้ดูแลตัวเองให้ดี คือใช้หลักการกินร้อนช้อนกลางล้างมือ ห่างกัน 1-2 เมตร สามารถทำได้มากกว่า 14 วัน เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อยังพุ่งสูงอยู่ จึงขอความร่วมมือทุกคนดูแลตัวเองเพื่อให้ลดการแพร่เชื้อและทำทุกอย่างให้ปลอดเชื้อด้วย.-สำนักข่าวไทย