วชิระภูเก็ตเคลียร์ 6 ประเด็น กรณีหมอแจ้งความโควิด-19

ภูเก็ต 3 มี.ค.- ผอ.รพ.วชิระภูเก็ต แจงทุกข้ออย่างละเอียด 6 ประเด็นการรับมือโควิด-19 หลังมีข่าวถูกหมอแจ้งความ ยืนยันการดูแลรักษามีมาตรฐานระดับประเทศ วางระบบคัดกรอง-เฝ้าระวังผู้ป่วยต้องสงสัยชัดเจนเป็นไปตามกระทรวงสาธารณสุข


วันนี้ (3 มี.ค.) ที่ห้องประชุมฉัตรฟ้า โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต  นพ.ธนิศ เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต และ นพ.เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต แถลงข้อเท็จจริงกรณีมีข่าว “หมอภูเก็ต” แจ้งความผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้านการป้องกันโควิด–19  


นพ.เฉลิมพงษ์ ชี้แจงว่า การปฏิบัติงานของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตในสถานการณ์เฝ้าระวังโควิด-19 นั้นจะต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพได้มาตรฐาน รวมทั้งมีแพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง จึงได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อรับมือการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งเป็นภารกิจที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตได้ดำเนินการเช่นเดียวกับทุกจังหวัดที่โรงพยาบาลศูนย์ประจำจังหวัดเป็นแม่ข่ายในการควบคุมโรค และการเฝ้าระวังผู้ป่วยต้องสงสัยตามคำนิยามว่าจะติดเชื้อ โดยร่วมกับโรงพยาบาลถลางและโรงพยาบาลป่าตอง การดำเนินการดังกล่าวอาจเป็นที่มาทำให้แพทย์ทั้ง 2 ไปแจ้งความ และเห็นว่าควรย้ายผู้ต้องสงสัยทั้งหมดไปยังโรงพยาบาลถลาง แต่หากโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตดำเนินการตามข้อเรียกร้องเช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อโรงพยาบาลถลาง ทั้งในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์และเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ รวมถึงประชาชนในพื้นที่อำเภอถลาง จึงนำไปสู่ประเด็นที่มาของการแจ้งความ จึงขอชี้แจงข้อแจ้งความทั้ง 6 ประเด็นสำคัญ ดังนี้

ประเด็นที่ 1 ข้อเสนอให้ผู้ป่วยต้องสงสัยแยกไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลถลาง ซึ่งไม่สามารถปฏิบัติตามข้อเรียกร้องดังกล่าวได้ เพราะโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตมีความพร้อมในด้านการรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญ และมีห้องแยกที่พอเพียง ทั้งยังมีศักยภาพในการดูแลผู้ต้องสงสัยโควิด-19 ในกรณีอาการรุนแรงได้ดีกว่า ซึ่งขณะนี้ทั้งสามโรงพยาบาลได้ช่วยกันรับเคส PUI และยังบริหารจัดการได้ดี และเป็นการป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ไม่ให้เกิดความเสี่ยงด้วย

ประเด็นที่ 2  แจ้งความว่าไม่มีอุปกรณ์ป้องกันที่เพียงพอ ขอยืนยันว่าอุปกรณ์ป้องกันอันตราย PPE มีให้บุคลากรทางการแพทย์ใช้อย่างพอเพียงในทุกจุดที่ให้บริการ โดยมีการสนับสนุนกันระหว่างโรงพยาบาลในเขตสุขภาพที่ 11 ทั้งในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ และเครื่องมือทางการแพทย์ ระหว่างกัน ทั้งนี้ ในส่วนของบุคลากรมีการสวมใส่ชุดป้องกันตามลำดับ ความสำคัญของความเสี่ยง มีมาตรการการล้างมือทำความสะอาด ขอยืนยันว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ มีความพร้อม ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข 


ประเด็นที่ 3 มีการแจ้งความว่านำผู้ป่วยต้องสงสัย จากเอกชน มารักษาในห้องไอซียู อายุรกรรมรวม มีการใช้เคาน์เตอร์พยาบาลร่วมกัน ขอชี้แจงว่า เคยมีเคสผู้ป่วยต้องสงสัยชาวจีน ซึ่ง ข้อมูลจริงๆ ผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจล้มเหลว ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ดังนั้น จำเป็นต้องมาเฝ้าสังเกตอาการที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ให้เข้าไปอยู่ในห้องอายุรกรรมรวม ผลการตรวจผู้ป่วยรายนี้เป็นลบ ไม่ติดเชื้อโควิด-19  ส่วนผู้ต้องสงสัยตามคำนิยามรายอื่นเข้าสู่ห้องที่โรงพยาบาลเตรียมไว้ ณ ตึกรัตนโกสินทร์ 200 ปี

ประเด็นที่ 4 แจ้งว่ามีผู้ป่วยต้องสงสัย และยังไม่ได้ดำเนินการวินิจฉัยจนถึงที่สุดไปนอนรวมกับผู้ป่วยรายอื่น ๆ นั้น ประเด็นนี้ไม่เป็นความจริง  ผู้ป่วยต้องสงสัยทุกรายจะเข้ารับการรักษาหน้าตึกรัตนโกสินทร์ 200 ปี มีห้องรองรับทั้งหมด 19 ห้อง  มีห้องน้ำในตัว เครื่องใช้ต่าง ๆ มีการแยกและทำความสะอาด ผู้ที่จะเข้าไปสัมผัสบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล ต้องมีการแต่งกายอย่างมิดชิดเพื่อป้องกัน เป็นไปตามมาตรฐาน และโรงพยาบาลไม่เคยให้ผู้ป่วยที่มีนัยยะความเสี่ยงโควิด-19 ไปปะปนกับผู้ป่วยอื่น ๆ 

ประเด็นที่ 5 แจ้งว่าไม่มีการตรวจเจ้าหน้าที่ที่ทำงานใกล้ชิดกับการควบคุมและรักษา ขอเรียนว่านโยบายกระทรวงสาธารณสุข จะดำเนินการเฝ้าระวังในเคสของบุคลากรที่กลับจากต่างประเทศ ให้กักตัวอยู่ที่บ้าน 14 วัน ขอยืนยันว่าโรงพยาบาลมีมาตรการในการป้องกันบุคลากรทางการแพทย์อย่างสูงสุด และเป็นไปตามลำดับขั้นมีมาตรฐานที่มีความเหมาะสม ทั้งการสวมชุดป้องกันโรคการสวมหน้ากากอนามัย การทำความสะอาดล้างมือ ดังนั้น ในวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้ตรวจบุคลากรทางการแพทย์ทั้ง 2,500 คน ไม่สามารถดำเนินการได้

ประเด็นที่ 6  ยืนยันมีการจัดเตรียมสถานที่รับผู้ป่วยฉุกเฉิน แยกจากผู้ป่วยต้องสงสัยอย่างชัดเจน ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าระบบการรับมือ การควบคุมโควิด-19 ของจังหวัดภูเก็ต ได้รับการยอมรับว่ามีมาตรฐานระดับประเทศ และมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้น ประเด็นที่มีการแจ้งความอาจเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สาวซิ่งรถหรูชนท้าย จยย. ทำแม่ลูกดับ 3 ศพ

แม่ขี่ จยย.ไปรับลูก 2 คน กลับจากเรียนพิเศษ ถูกสาวขับรถหรูซิ่งชนท้าย ร่างกระเด็นตกสะพานข้ามรางรถไฟ เสียชีวิตทั้ง 3 คน ส่วนผู้ก่อเหตุอุ้มแมว ทิ้งรถ หลบหนีไป

ปิดล้อมล่ามือปืนคลั่งสังหาร 3 ศพ

ตำรวจเร่งไล่ล่ามือปืนคลั่งก่อเหตุยิง 3 ศพ ในพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู ล่าสุดปิดล้อมพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ รอยต่อ จ.เลย หลังพบเบาะแสคนร้ายหนีไปซ่อนตัว ขณะที่ชนวนสังหารยังไม่แน่ชัด

ลูกชายมือปืนคลั่งยิง 3 ศพ พาครอบครัวหนีตาย พ่อโพสต์ขู่ฆ่าล้างครัว

ลูกชายมือปืนคลั่งยิงดับ 3 ศพ ต้องพาภรรยาและลูก รวมถึงพ่อตา-แม่ยาย หนีไปอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง หลังพ่อโพสต์ข้อความขู่จะฆ่าล้างครัว เหตุจากปัญหาในครอบครัว

ชายคลั่งยิง3ศพ

ชายคลั่งยิงดับ 3 ศพ โผล่วัดที่ จ.เลย ขอข้าวกิน ก่อนหนีเข้าป่า

แม่ครัววัดภูคำเป้ ต.ผาสามยอด อ.เอราวัณ จ.เลย เผยพบชายคลั่งยิงดับ 3 ศพ เดินเข้ามาในวัดด้วยสภาพอิดโรย ขอข้าวกิน ลักษณะรีบกินเหมือนวิตกกังวล หลังกินเสร็จรีบเดินเข้าป่าหายไป ก่อนมาทราบภายหลังว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิงคนเสียชีวิต

ข่าวแนะนำ

นายกฯ สั่งระดมช่วยน้ำท่วมใต้-เร่งเยียวยา

นายกฯ สั่งระดมช่วยเหลือน้ำท่วมใต้-เร่งมาตรการเยียวยา เผย ครม.เห็นชอบ 39 โครงการฟื้นฟูพื้นที่อุทกภัย เชียงใหม่-เชียงราย 641 ล้านบาท

เตรียมรื้อถอนคานถล่ม ถ.พระราม 2-กู้ร่างผู้สูญหาย

ช่วงบ่ายนี้ (29 พ.ย.) จนท.กรมทางหลวง สภาวิศวกรรมสถาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมนำรถเครนรื้อถอนเหล็กถักที่ถล่มบน ถ.พระราม 2 โดย ปภ.สมุทรสาคร ไม่มั่นใจว่าการดำเนินการจะจบภายในวันเสาร์-อาทิตย์นี้หรือไม่

คานถล่มพระราม2

ตร.ทางหลวง แนะเลี่ยงถนนพระราม 2 หลังการจราจรเข้าขั้นวิกฤต

ตำรวจทางหลวง เผยการจราจรถนนพระราม 2 เข้าขั้นวิกฤต แนะเส้นทางเลี่ยงทั้งขาเข้าและขาออกกรุงเทพมหานคร ยังไม่ชัดเปิดการจราจรได้ตามปกติเมื่อใด

คานถล่มพระราม2

“สุริยะ” สั่งผู้รับเหมาหยุดก่อสร้าง ถ.พระราม 2 ตัดสิทธิรับงาน 2 ปี

“สุริยะ” รมว.คมนาคม เผยเย็นวันนี้เตรียมกลับไปตรวจสอบสาเหตุคานเหล็กก่อสร้างบนถนนพระราม 2 ถล่ม สั่งการผู้รับเหมาหยุดก่อสร้าง รวมทั้งตัดสิทธิรับงาน 2 ปี และขอให้เพิ่มความเข้มงวดมาตรการลดชั้นผู้รับเหมา เพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุ