พิษณุโลก 24 ก.พ. – พ่อของ “เฮียตี๋” เจ้าของเต็นท์รถยนต์มือสองใน จ.พิษณุโลก ที่ก่อเหตุฆ่าตัวตายยกครัว ระบุพร้อมชดใช้หนี้สินทั้งหมดของลูกชาย หากมีหลักฐานการกู้ยืมมายืนยัน
ความคืบหน้ากรณีนายกัณตภณ แป้นวงศ์ อายุ 40 ปี หรือ เฮียตี๋ เจ้าของเต็นท์รถยนต์มือสองใน จ.พิษณุโลก กินยาฆ่าตัวตายแล้วใช้เตาอั้งโล่รมควันพร้อมกับคนในครอบครัว ประกอบด้วย มารดา ภรรยา ด.ช.รชฏ บุตรชาย และพี่สาว พร้อมสุนัขอีก 6 ตัว ทั้งหมดเสียชีวิตอยู่ภายในห้องนอนของบ้าน ด้านหลังเต็นท์รถดังกล่าว คาดสาเหตุเกิดจากความเครียดเรื่องหนี้สินที่หยิบยืมเพื่อนฝูงมาลงทุนจำนวนหลายล้านบาท แล้วหมุนเงินไม่ทันจากพิษเศรษฐกิจ จนต้องฆ่าตัวตายยกครัว สร้างความสลดหดหู่ใจให้กับผู้ที่ทราบข่าวเป็นอย่างมาก
ล่าสุดวันนี้ (24 ก.พ.) บรรยากาศที่บ้านและเต็นท์รถยนต์มือสอง กัณตภณ ออโต้ พบว่ามีการปิดป้ายห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่ทางครอบครัวของภรรยาเฮียตี๋ได้เข้ามาเชิญวิญญาณ
นายธงชัย แป้นวงศ์ เฮียตี๋สั้น บิดาของเฮียตี๋ เปิดเผยว่า ณ วันนี้ ตนเองก็ยังทำใจไม่ได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วตนก็จะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย หากผลออกมาว่าลูกตนฆ่าตัวตาย ตนก็พร้อมที่จะเชื่อตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่ส่วนตัวแล้วตนเองเชื่อว่า ลูกตนไม่ได้ฆ่าตัวตาย ส่วนเรื่องหนี้สินต่างๆ ที่มีเจ้าหนี้ออกมาพูดว่า ลูกของตนเป็นหนี้มากมายหลายสิบล้านบาท หากไม่มีหลักฐาน ขอให้หยุดพูดจาให้ลูกตนและครอบครัววงศ์ตระกูลตนเสียหาย แต่หากมีหลักฐานในการกู้ยืมเงิน ขอให้นำหลักฐานในการกู้ยืมเงินมาแสดงได้เลย มานั่งพูดคุยกันได้ ตนยินดีรับฟัง ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (25 ก.พ.) ที่งานฌาปนกิจศพลูกชายของตน ที่วัดท่าตะเคียน ตนยืนยันว่า หากลูกเป็นหนี้ใครจริงๆ และมีหลักฐาน ตนพร้อมที่จะคืนเงินให้ทุกบาททุกสตางค์แน่นอน
ส่วนเรื่องที่ดิน 4 ไร่เศษ ที่ตั้งร้านและตัวบ้าน ตนพอทราบมาว่า ลูกของตนนำไปเข้าแบงก์และนำเงินมาลงทุน ซึ่งหลังจากเสร็จธุระเรื่องงานศพแล้ว ตนจะไปติดต่อชำระหนี้และไถ่ถอนที่ดินแปลงนี้มาเก็บไว้ เพราะเป็นที่ผืนที่ตนซื้อให้ลูกๆ และรักที่ผืนนี้มาก อยากจะเก็บไว้ เพราะหากตนอยากจะขายคงขายไปนานแล้ว คงไม่ยกให้ลูกๆ
นายธงชัย ยังกล่าวอีกว่า เมื่อคืนก่อนหลังเกิดเหตุ ตนเองฝันว่าลูกสาวมาหา นั่งข้างๆ ร้องไห้เสียใจ และกล่าวว่า ความจริงเราไม่ได้เป็นหนี้เขา แต่เขานั่นแหละที่เป็นหนี้เรา แต่ตนเองก็เชื่อว่าเป็นเพียงความฝันเท่านั้น ไม่ได้คิดอะไรมาก ความจริงก็ว่าไปตามกฎหมาย
ด้าน พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ชัดเจนว่าไม่พบความผิดปกติจากสาเหตุการเสียชีวิต เนื่องจากมีการล็อกกลอนจากภายในห้อง จึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีใครมาทำอะไรได้ และผลจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุสอดคล้องกัน ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ ขณะที่การตรวจชันสูตรพลิกศพ ไม่พบสารพิษในกระเพาะอาหาร ขณะนี้ตำรวจได้นำเลือดส่งตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ คาดว่าผลจะได้ใน 1 เดือน ว่ามีสารพิษหรือสารยากล่อมประสาทชนิดใดอยู่ภายในเลือดด้วยหรือไม่
สำหรับยอดหนี้สินยังไม่มีความชัดเจนจากยอดในธนาคาร 4-5 แห่ง วงเงินไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ส่วนที่ดินนำมาค้ำประกันเงินกู้ไว้กับธนาคาร จากการพิจารณาหลักฐานการเป็นหนี้เกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน ต้องทำความเข้าใจกับครอบครัวทั้ง 2 ฝ่ายอีกครั้ง. – สำนักข่าวไทย