ทำเนียบฯ 20 ก.พ.-นายกฯย้ำสถานการณ์โรคโควิด-19 ในไทยระดับที่ 2 สามารถควบคุมได้ แต่สั่งเตรียมพร้อมระดับที่ 3 เพื่อไม่ประมาท พร้อมกระจายจำหน่ายหน้ากากอนามัยร้านสะดวกซื้อ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ว่า ที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาของเจ้าหน้าที่ในการดูแลป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งที่ผ่านมา มาตรการป้องกันของรัฐบาลถือว่ามีประสิทธิภาพ สามารถควบคุมไวรัสโควิด-19 ได้ ทำให้สถานการณ์ในไทยยังอยู่ในระดับที่ 2 เท่านั้น แต่ตนได้สั่งการให้ดูแลข้อมูลในการทำหน้ากากอนามัย และมาตรการดูแลภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะผู้ได้รับผลกระทบและผู้ประกอบการ โดยจะมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนที่ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรับมือการแพร่ระบาดในระดับที่ 3 นั้น เป็นเพียงการทำงานเชิงรุกเพื่อเตรียมการ ไม่ได้หมายความว่าสถานการณ์ในไทยอยู่ในระดับที่ 3 จึงขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพื่อที่หากมีสถานการณ์ จะได้มีความพร้อมในการรับมือ และขอให้สื่อมวลชนอย่าสร้างข่าวบิดเบือนข้อมูล อย่าสร้างเฟคนิวส์ และสร้างถ้อยคำเกลียดชัง ขอย้ำว่าเจ้าหน้าที่ยังดูแลควบคุมสถานการณ์ได้
ด้าน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ความเชื่อมั่นว่า ในการรักษา ทีมแพทย์ไทยได้รับการยอมรับ ยกย่องจากต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมาว่าสามารถใช้ยารักษาผู้ป่วยจนหายขาดได้เป็นประเทศแรกของโลก และมาตรการต่าง ๆ ในการป้องกัน ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานสากล มีการคัดกรองผู้ป่วยจากประเทศเสี่ยงถ้าผ่านเครื่องแสกนไม่พบไข้ สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ แต่ต้องดูแลตัวเอง บริเวณชายแดนได้รับความร่วมมือจากอาเซียน
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่า ขณะนี้ได้เร่งแก้ปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลนด โดยให้มีการผลิตตลอด 24 ชั่วโมง วันละ 35 ล้านชิ้น และหารือผู้ประกอบการรายย่อยที่สามารถกระจายสิ้นค้าไปในที่ต่าง ๆ ได้ นอกเหนือจากร้านธงฟ้า ยังมีเซเว่น-อีเลฟเว่น ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ให้นำหน้ากากอนามัยไปจำหน่าย โดยขายในราคาชิ้นละ 2.50 บาท จำกัดคนละ 4 ชิ้น
นายบุณยฤทธิ์ ยอมรับว่า บางพื้นที่ยังขาดแคลนหน้ากากอนามัย เพราะยังกระจายสิ้นค้าไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะต่างจังหวัด จึงขอให้สอบถามไปยังพาณิชย์จังหวัดได้ และขอย้ำว่ากระทรวงพาณิชย์จะเข้มงวดกับร้านค้าที่ขายหน้ากากอนามัยเกินราคาที่กำหนด โดยจะดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะที่กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการเข้มงวดในการป้องกันทำความสะอาดขนส่งมวลชนสาธารณะ ทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศ นอกจากนี้ยังสนับสนุนเครื่องเทอโมสแกนในการคัดกรอง และได้ประสานกับไทยสมาย การบินไทย ยกเว้นค่าทำเนียมการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินในประเทศญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์.-สำนักข่าวไทย