สธ.8 ก.พ..–กระทรวงสาธารณสุข แถลงพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อีก 7 ราย เป็นคนจีน 4 ราย และคนไทย 3 ราย และมีผู้ป่วยที่หายเป็นปกติ สามารถกลับบ้านได้อีก 1 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 32 ราย
นายแพทย์ ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค, นายแพทย์สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 6 และผู้บริหาร สธ. ร่วมกันแถลงความคืบหน้าการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 7 คน เป็นคนจีน 4 คน คนไทย 3 คน ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมรวมเป็น 32 คน รักษาหายกลับบ้าน 10 คน นอนรักษาตัว 22 คน อยู่ในข่ายเฝ้าระวังสอบสวนโรค 654 คน อาการดีขึ้นกลับบ้านได้ 279 คน รับไว้ในโรงพยาบาล 375 คน คัดกรองจากสนามบินทั้งหมด 49 คน
อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้ประเทศไทยยังไม่มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาและยังอยู่ในลำดับที่ 4 จากทั่วโลก ย้ำมาตรการในการดูแลผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่และเฝ้าระวังเป็นการคัดกรองตรวจโรคแบบเข้มข้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ซึ่ง 3 ใน 4 คนของคนจีนที่พบติดเชื้อไวรัสโคโรนาเพิ่ม เป็นผู้ที่คลุกคลีใกล้ชิดกับคนในครอบครัวเดียวกันกับที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ส่วนอีก 1 คนเป็นนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ยังอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมแพทย์
ขณะที่คนไทย 2 คนเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพต้องติดต่อใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยว คือ คนขับรถสาธารณะ, ไกด์นำเที่ยว ส่วนคนไทยอีก 1 คนเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากอู่ฮั่นพร้อมกับ 138 คนไทย ขณะนี้ยังแยกห้องและเฝ้าระวังอยู่ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ ส่วนอาการมีน้ำมูก มีไข้เล็กน้อย อยู่ระหว่างเฝ้าติดตามอาการต่อเนื่อง
สำหรับอาการผู้ป่วยชายไทยคนขับรถบัสที่ป่วยเป็นวัณโรคร่วมกับติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อาการยังทรงตัว รักษาตัวที่สถาบันบำราศนราดูร ทีมแพทย์ยังคงเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ย้ำขอความร่วมมือประชาชน หากต้องเดินทางไปในที่ชุมชนให้สวมใส่หน้ากากอนามัย กินร้อนช้อนกลาง ดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากเชื้อ และอย่าเชื่อข่าวลือข่าวปลอม ควรให้เช็กให้ชัวร์ก่อนแชร์ เพื่อไม่ให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องถูกเผยแพร่จนสร้างความตะหนก ทั้งนี้สามารถติดตามข้อมูลจากเฟซบุคและสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนสถานการณ์ของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ทั่วโลกใน 28 ประเทศตั้งแต่ 5 มกราคมถึง 8 กุมภาพันธ์ 2563 พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 34,410 ราย เสียชีวิต 719 ราย ซึ่งสูงที่สุดยังคงเป็นประเทศจีนพบผู้ป่วย 34,083 ราย เสียชีวิต 654 ราย.-สำนักข่าวไทย