เบอร์ลิน 20 ม.ค.- ผู้นำโลกรับปากในการประชุมสุดยอดที่กรุงเบอร์ลินของเยอรมนีเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า จะไม่ให้ต่างชาติเข้าไปแทรกแซงสงครามกลางเมืองในลิเบียอีกต่อไป และจะยังคงใช้มาตรการคว่ำบาตรทางอาวุธเป็นส่วนหนึ่งของแผนการยุติความขัดแย้งในลิเบียที่ดำเนินมายาวนาน
นายอันโตนีโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติหรือยูเอ็น กล่าวว่า ผู้นำโลกแสดงความมุ่งมั่นอย่างจริงจังที่จะยุติความขัดแย้งในลิเบียที่กำลังจะบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งในภูมิภาค นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนีในฐานะในเจ้าภาพการประชุมกล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับประกันว่าจะมีการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงทันที แต่หวังว่าการประชุมครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้มีการหยุดยิงนานขึ้น ขณะที่นายไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐยอมรับว่า ยังคงมีปัญหาเรื่องจะสังเกตการณ์คำมั่นอย่างไรให้ได้ผลดีมีประสิทธิภาพ แต่ก็คาดหวังในแง่ดีว่าสถานการณ์ในลิเบียจะรุนแรงน้อยลง และเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายในลิเบียเปิดการเจรจาตามที่นายกัสซัน ซาลาเม ทูตพิเศษยูเอ็นพยายามมานาน ด้านนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าที่ประชุมยังไม่สามารถเปิดการเจรจาที่จริงจังและยั่งยืนระหว่างกลุ่มที่ขัดแย้งกันในลิเบียได้
ทั้งนี้หลังจาก พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟีที่ปกครองลิเบียนาน 42 ปี ถูกสังหารในปี 2554 โดยกองกำลังในลิเบียที่ได้การสนับสนุนจากองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต ลิเบียก็ตกอยู่ในภาวะสงครามกลางเมือง โดยในปัจจุบันแบ่งออกเป็นรัฐบาลในกรุงตริโปลีของนายฟายอิซ อัลซาร์ราจที่ได้รับการรับรองจากยูเอ็นและกองกำลังทางฝั่งตะวันออกของจอมพลคาลิฟา ฮาฟตาร์ ฝ่ายหลังโจมตีฝ่ายแรกตั้งแต่เดือนเมษายนปีก่อน และเพิ่งหยุดยิงชั่วคราวเมื่อวันที่ 12 มกราคมตามการผลักดันของรัสเซียและตุรกี รัสเซียร่วมกับอียิปต์และสหรัฐเอมิเรตส์สนับสนุนจอมพลฮาฟตาร์ ส่วนตุรกีร่วมกับกาตาร์สนับสนุนนายซาร์ราจ.- สำนักข่าวไทย