ลพบุรี 18 ม.ค.- ตำรวจปรับแผนไล่ล่าโจรชิงทองกลางห้างในจังหวัดลพบุรี ขณะที่เบาะแสพบว่าคนร้ายเปลี่ยนรถหนี มีคนช่วย วงจรปิดจับภาพได้ขณะขี่รถจักรยานยนต์ตามกันไป
จากคดีสะเทือนขวัญ คดีคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทองในร้านทองดังกลางห้าง ในอำเภอเมืองลพบุรี โดยใช้อาวุธปืนเก็บเสียงยิงเปิดทางใส่ชาวบ้านและพนักงานร้านทองเสียชีวิตรวม 3 ศพ ในจำนวนนี้มีเด็กชายวัย 2 ขวบโดนลูกหลงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยเมื่อวานนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาติดตามเร่งรัดและให้แนวทางในการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวแบบอารมณ์ดีว่า ที่ผ่านมายังมีการทำงานซ้ำกันอยู่บ้าง จึงได้ปรับแผนการทำงานและแบ่งการทำงานใหม่ ยืนยันล็อกเป้าตั้งแต่วันแรก แต่ยังไม่ออกหมายจับ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีแนวโน้มที่จะจับตัวคนร้ายได้เมื่อไร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวติดตลกว่า ภายใน 2 วัน คือวันคี่กับวันคู่
ด้าน พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. เผยมีคนใกล้ชิดกับคนร้ายที่รู้ว่าคนร้ายเป็นใคร แต่ยังลังเลที่จะให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เชื่อว่าอีกไม่นานคงจะเข้ามาให้ข้อมูลกับทางตำรวจ ขณะนี้เงินรางวัลนำจับมีถึงกว่า 6 แสนบาทแล้ว อยากฝากบอกผ่านสื่อว่า คนใกล้ชิดเมื่อเห็นคนร้ายก่อเหตุก็หน้าจะรู้ว่าเป็นใคร ถึงแม้จะปิดบังใบหน้า เข้ามาให้ข้อมูลกับทางตำรวจจะเก็บข้อมูลเป็นความลับ
และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดหน้าวัดดงน้อย ช่วงเวลา 20.54 น. วันที่ 9 ม.ค. สามารภจับภาพรถจักรยานยนต์คล้ายรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ โดยใช้ความเร็วไม่มากนัก ขี่มาจากห้างโรบินสันที่เกิดเหตุ และมีรถกระบะตามหลังผ่านมาถึงหน้าวัด จากนั้นได้เลี้ยวเข้ามาเพื่อไปยังชุมชนดงน้อยต่อมาในเวลาไล่เลี่ยกันเวลาประมาณ 20.56 น. พบเห็นรถลักษณะคล้ายรถของคนร้ายที่ใช้แต่คนละสีขับผ่านหน้าวัดเพื่อเข้าหมู่บ้าน โดยมีรถ จยย.อีกคันขี่ตามอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ จากยังพบว่าช่วงเวลาที่บุคคลที่คาดว่าจะเป็นคนร้ายหลบหนีเข้ามาในชุมชน เป็นช่วงเวลาที่วัดจัดงานศพแล้วเสร็จ และมีชาวบ้านขับรถยนต์ออกจากวัดจำนวนมาก จึงอยากให้ชาวบ้านที่มีกล้องช่วงเวลาดังกล่าว เอาภาพมาให้ตำรวจด้วย
มีรายงานข่าวว่า ในการไล่กล้องตรวจสอบจุดที่ 5 และจุดที่ 6 ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อมูล พบว่ามีบางช่วงเวลาที่รถ จยย.ของคนร้ายหายไป ทำให้ชุดสืบสวนคาดว่าช่วงเวลาที่หายไปนั้นคนร้ายอาจจะจอดรถ จยย. เพื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งกายหรืออาจจะมีการสลับสับเปลี่ยนรถแล้วอำพราง ทำให้ยากต่อการไล่ภาพวงจรปิดและยากต่อการติดตามจับกุมคนร้ายด้วย และ 1 ในเบาะแสที่ตำรวจน่าจะใช้แกะรอยคนร้ายมาตั้งแต่วันเกิดเหตุ คือที่ข้อเท้าซ้ายของคนร้าย มีรอยตำหนิที่ไม่แน่ใจว่าเป็นรอยอะไร แต่ไม่น่าใช่ถุงเท้าเพราะในคลิปเหตุการณ์เห็นได้ชัดว่า ข้อเท้าข้างขวา มองเห็นตาตุ่ม จึงไม่น่าเป็นไปได้ว่าคนร้ายจะใส่ถุงเท้าข้างเดียว ซึ่งรอยนี้ถือเป็นลักษณะจำเพาะของบุคคล ยานพาหนะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุชิงทองแล้วหลบหนี และตำรวจระบุตั้งแต่วันแรกว่า รถจักรยานยนต์ของคนร้ายเป็นยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ หากเจาะลึกลงไปอีก มีผู้ที่สังเกตเห็นว่าเป็นฟีโน่รุ่นพิเศษที่ผลิตในปี 2008 หรือปี 2551
ล่าสุด พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ยืนยันว่าตำรวจมีกลุ่มเป้าหมายที่เชื่อว่าเป็นคนก่อเหตุแล้ว แต่ยังต้องรอผลจากนิติวิทยาศาสตร์ ประกอบหลักฐานที่ตำรวจรวบรวมได้ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคล หรือกล้องวงจรปิดที่มีกว่า 1,000 ตัว จาก 9 จังหวัด เพื่อให้แน่นหนาที่จะสามารถออกหมายจับดำเนินคดีได้ ซึ่งตำรวจนำข้อมูลจากพลเมืองดีมาตรวจสอบทุกอย่าง เพราะรู้ว่าทุกคนอยากให้จับคนร้ายได้ แต่ก็ยอมรับว่าภาพจากกล้องหลายภาพไม่ค่อยชัดเจน ทำให้ทำงานยาก อยากฝากว่าหากใครมีข้อมูล เบาะแส หรือกล้องหน้ารถให้ติดต่อนำมาให้ตนได้โดยตรง ส่วนตัวเชื่อว่าผู้ใกล้ชิดต้องทราบว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ และหากให้การช่วยเหลือ สนับสนุน ปิดบัง รวมไปถึงช่วยนำทรัพย์หรือสิ่งของไปขาย ก็เข้าข่ายความผิด ทั้งนี้ อยากขอว่าให้รอตำรวจพิสูจน์ข้อมูลก่อนเผยแพร่ เพราะอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด และผู้ที่ถูกพาดพิงจะเสียหายได้.-สำนักข่าวไทย