กรุงเทพฯ 6 พ.ย. – คณะทำงานฯ ประชุมด่วน เร่งกำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและอุตสาหกรรม พร้อมสำรวจสตอกสารเคมีก่อนแบน 3 สาร ผลักดันส่งออกลดงบฯ ทำลายลิตรละแสนบาท
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า คณะทำงานพิจารณาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกใช้สารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิดประชุมครั้งแรกวันนี้ ซึ่งปลัดกระทรวงเกษตรฯ เป็นประธานคณะทำงานมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาผลกระทบทุกด้านอย่างรอบคอบทั้งที่มีต่อเกษตรกร อุตสาหกรรมผลิตสินค้าเกษตรต่อเนื่อง และมาตรการสนับสนุนเกษตรกรที่ต้องแบกรับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ตลอดจนการเตรียมเก็บสารเคมีทั้ง 3 ชนิด เพื่อทำลายตามหลักวิชาการให้มีความปลอดภัย
นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรฯ ในฐานะที่ปรึกษาคณะทำงานฯ รายงานว่า ที่ประชุมเร่งศึกษาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกร โดยเฉพาะผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจ 6 ชนิด ได้แก่ อ้อย มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ข้าวโพด และไม้ผล เมื่อไม่สามารถใช้พาราควอต-ไกลโฟเซตป้องกันกำจัดวัชพืช และคลอร์ไพริฟอสป้องกันกำจัดศัตรูพืชแล้ว จะต้องปรับเปลี่ยนวิถีการทำเกษตรกรรม เบื้องต้นเกษตรกรรายย่อยอาจต้องใช้แรงงานกำจัดวัชพืช ส่วนเกษตรกรที่รวมตัวเป็นแปลงใหญ่และสหกรณ์การเกษตรสามารถสนับสนุนให้ใช้เครื่องจักรกลการเกษตรได้ จากนั้นเมื่อเริ่มฤดูกาลผลิตใหม่ต้องเข้าไปให้ความรู้แก่เกษตรกรรายย่อยจัดรูปแปลงให้สามารถรองรับเครื่องจักรกลการเกษตรได้ สำหรับต้นทุนการผลิตสูงขึ้นต้องของบประมาณช่วยเหลือ
นอกจากนี้ ยังให้กรมวิชาการเกษตรสำรวจสตอกสารเคมีทั้ง 3 ชนิดว่ามีอยู่ในประเทศเท่าใด ก่อนประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมยกเลิกจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ธันวาคม สามารถอนุญาตให้ส่งออกไปประเทศที่ยังใช้สารเหล่านี้อยู่ได้หรือไม่ เพื่อลดผลกระทบต่อผู้นำเข้าและผู้ค้า รวมถึงงบประมาณในการทำลายที่สูงถึงลิตรละ 100,000 บาท พร้อมกันนี้ให้เร่งศึกษาวิจัยสารชีวภัณฑ์ต่าง ๆ หากทดสอบประสิทธิภาพใช้ได้ผลจริง เปิดกว้างขึ้นทะเบียนเพื่อเป็นทางเลือกของเกษตรกร
นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า คณะทำงานฯ ยังจะประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ร่วมหาวิธีแก้ไขปัญหาได้แก่ กระทรวงสาธารณสุขดูแลสารตกค้างในสินค้าเกษตรที่นำเข้า เนื่องจากวัตถุดิบหลายอย่างไทยนำเข้าจากประเทศที่ยังใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมมาตรการรองรับกรณีไม่สามารถนำเข้าวัตถุดิบได้อย่างไรบ้าง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมปศุสัตว์ด้วย ส่วนกระทรวงพาณิชย์นั้น จะช่วยดูแลไม่ให้ผู้ค้าฉวยโอกาสขึ้นราคาสารป้องกันกำจัดวัชพืชและศัตรูพืชชนิดอื่นที่เกษตรกรต้องใช้แทน รวมถึงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมป้องกันการโฆษณาหลอกลวงขายสารชีวภัณฑ์ที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนหรือปลอมปนสารเคมี
“คณะทำงานฯ ของกระทรวงเกษตรฯ จะพิจารณาทุกมาตรการอย่างรอบคอบ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อเกษตรกรและเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งสัปดาห์หน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องนำข้อมูลมารายงานต่อที่ประชุม และมาตรการต่าง ๆ ต้องเสร็จสิ้นก่อนวันที่ 1 ธันวาคม ซึ่งการยกเลิกสารเคมี 3 ชนิดจะมีผลบังคับใช้” นายเฉลิมชัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย