กรุงเทพฯ 17 ก.ย. – ลุ้น กบง.บ่ายนี้อุดหนุนราคาน้ำมันเท่าใด ก่อนผู้ค้าประกาศปรับขึ้นราคาน้ำมันใน 1-2 วันนี้ “ชาญศิลป์” คาดสุดท้ายเศรษฐกิจโลกจะกดดันให้ราคาน้ำมันลดลง หลังพุ่งแรงหลังเกิดเหตุโจมตีซาอุฯ
ในบ่ายวันนี้ (17 ก.ย.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้นัดประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น หลังจากเกิดเหตุการณ์โจมตีโรงงานน้ำมันในซาอุดีอารเบียและส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปิดตลาดวานนี้ (16 ก.ย.) ขยับขึ้นประมาณ 5-8 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล โดยจะตัดสินใจใช้เงินกองทุนน้้ำมันเชื้อเพลิงมาอุดหนุนราคาขายปลีกในไทย เพื่อไม่ให้ราคาขยับขึ้นตามต้นทุนกว่า 1 บาทต่อลิตร
ด้านนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. คาดว่าราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นแรงจะเป็นการชั่วคราว เพราะหลายประเทศ เช่น สหรัฐจะนำน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์(SPR ) มาใช้ ประกอบกับเศรษฐกิจโลกมีภาวะชะลอตัว ที่มีผลกระทบจาก BREXIT และจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐ หากไม่เกิดเหตุการณ์นี้คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะเคลื่อนไหวในรอบ 50-60 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่เมื่อมีเหตุการณ์นี้สุดท้ายแล้วกรอบราคาน้ำมันดิบดูไบจะอยู่ที่ 55-65 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ กรอบการเคลื่อนไหวกรณีราคาขยับสูงจะอยู่ที่ประมาณ 70-80 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายชาญศิลป์ กล่าวว่า ในฐานะเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติ ยืนยันน้ำมันจะไม่ขาดแคลนแต่อย่างใด ซึ่งกลุ่ม ปตท.ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งมีการซื้อน้ำมันดิบจากซาอุดีอาระเบียร้อยละ 16-17 ของการสั่งนำเข้าและมีการกระจายการซื้อไปตลาดอื่น ๆ เพื่อป้องกันความเสี่ยง
“กลุ่ม ปตท.ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในซาอุฯ อย่างใกล้ชิด โดยจะไม่กระทบต่อความมั่นคง มีสำรองเพียงพอและกระจายการสั่งซื้อ อย่างไรก็ตาม ด้านราคาขายปลีกจะเคลื่อนไหวตามตลาดโลก โดยจะขึ้นมากน้อยเพียงใด ก็จะรอดูว่า กบง.จะใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ อุดหนุนมากน้อยเพียงใด ซึ่ง ปตท.คงไม่สามารถตรึงราคาได้ เพราะ ปตท.เป็นหนึ่งในตลาดที่มีผู้ค้ารายอื่น ๆ ร่วมจำหน่ายหลายราย” นายชาญศิลป์ กล่าว
บมจ.ไทยออยล์ รายงานว่าราคาน้ำมันดิบวานนี้ (16 ก.ย.) ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 14 โดยราคาน้ำมันตลาดเวสต์เท็กซัสปิด 62.90 ดอลลาร์/บาร์เรล ปรับขึ้น 8.05 ดอลลาร์ เบรนท์ ปรับขึ้น 8.98 ดอลลาร์ ปิด 69.20 ดอลลาร์/บาร์เรล และดูไบ ปิด 64.02 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 4.85 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบที่อาจปรับลด หลังเกิดเหตุโจมตีโรงงานน้ำมันในเมือง Abqaiq และ Khurais ของซาอุดีอาระเบียเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ซาอุดีอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบกว่า 5.7 ล้านบาร์เรล/วัน หรือร้อยละ 5 ของอุปทานน้ำมันดิบโลก โดยยังไม่มีกำหนดกลับมาดำเนินการผลิตได้ในระดับปกติ
ส่วนประเทศที่นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่จากซาอุดีอาระเบีย เช่น จีนและเกาหลีใต้ มีมาตรการรองรับต่อผลกระทบจากการปรับลดกำลังการผลิตของซาอุดีอาระเบีย โดยจีนมีปริมาณน้ำมันสำรองฉุกเฉินประมาณ 325 ล้านบาร์เรล เพียงพอต่อการใช้ประมาณ 33 วัน ขณะที่เกาหลีใต้คาดว่าไม่มีผลกระทบในระยะสั้น แต่มีการพิจารณาใช้น้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ที่มีอยู่ 96 ล้านบาร์เรล เทียบเท่ากับการใช้น้ำมัน 90 วัน หากเกิดปัญหาในการจัดหาน้ำมันดิบของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ตลาดคาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น เพื่อแทนที่อุปทานที่ปรับลดจากซาอุดีอาระเบีย ซึ่งการส่งออกน้ำมันดิบจากสหรัฐแตะระดับสูงกว่า 3 ล้านบาร์เรล/วันแล้วในสัปดาห์ก่อนหน้า.-สำนักข่าวไทย