สงขลา 1 ก.ย. – จัดประชุมร่วมแก้ไขเศรษฐกิจชายแดนใต้ โดยเฉพาะการค้าไทย-มาเลเซีย หวังให้การค้าของทั้ง 2 ประเทศมีความสะดวกระหว่างกันให้มากขึ้น
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะลงพื้นที่ด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่และสำรวจจุดเชื่อมไทย-มาเลเซีย โดยได้ประชุมหารือแนวทางการแก้ไขอุปสรรคการค้าระหว่างไทย-มาเลเซีย ร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาการค้าชายแดนภาคใต้ ที่อาคารด่านศุลกากรขาออก อ.สะเดา จ.สงขลา
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้มีการหารือถึงแนวทางการแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน จุดเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่กับมาเลเซีย การขนส่งสินค้าเกษตร สินค้าอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวใน 4 ประเด็น คือ 1.ด่านสะเดา ซึ่งเป็นช่องทางในการส่งสินค้าเข้าออกระหว่างไทยมาเลเซีย และเป็นช่องทางแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างไทยกับมาเลเซีย ซึ่งด่านสะเดายังเป็นด่านที่มีช่องการตรวจลงตราที่จำกัดจึงเป็นคอขวด ทำให้การส่งออกของไทยไปมาเลเซียยังมีปัญหาอุปสรรค นักท่องเที่ยวมาเลเซียที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยผ่านด่านสะเดา โดยเฉพาะเข้ามาเที่ยวจังหวัดใต้ก็ยังมีปัญหาความไม่สะดวก เพราะปัญหาคอขวด ซึ่งตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจะเพิ่มบุคลากร จาก 50 คน เป็น 100 คน และจะเร่งฝึกอบรม เพื่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวให้การเดินทางสะดวกโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเริ่มต้นได้ทันที และจะเพิ่มช่องทางเดินรถ จาก 4 ช่อง เป็น 6 ช่อง จะให้เห็นเป็นรูปธรรม
ส่วนเรื่องที่ไทยจะส่งออกอาหารไปยังมาเลเซียนั้น มีปัญหาช่วงทดลองขยายเวลาการเปิดด่านขนส่งสินค้าเข้าออกเป็น 24 ชั่วโมง ซึ่งจะทดลองวิ่ง 1 ปี การส่งออกอาหารจากไทยไปมาเลเซียยังมีความล่าช้า เนื่องจากสำนักงานอาหารและยา (อย.) ไม่มีตัวแทนประจำช่วงเวลานอกเวลาราชการ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาเป็นผู้รับจะไปดำเนินการที่จะประสานกับสำนักงานสาธารสุขจังหวัด เพื่อส่งเจ้าหน้าที่มาประจำก็จะช่วยให้การส่งออกอาหารไปมาเลเซียคล่องตัวยิ่งขึ้น
ส่วนเรื่องที่ 2 ด่านสะเดาแห่งใหม่ อยู่ระหว่างก่อสร้าง จากการติดตามความคืบหน้าคาดว่าจะสร้างเสร็จทั้งหมดประมาณเดือนตุลาคม 2562 ปัญหาคือการสร้างถนนเชื่อมระหว่างไทย -มาเลเซีย อยู่ระหว่างเจรจาเนื่องจากทั้งสองฝั่งมีความเห็นไม่ตรงกัน แต่ขณะนี้กำลังจะได้ข้อยุติ เมื่อได้มติก็จะเร่งดำเนินการก่อสร้างทันที เรื่องที่ 3 การเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างไทยกับมาเลเซีย ซึ่งก็เป็นหัวข้อสำคัญในการประชุมวันนี้ก็ได้ข้อสรุปว่าจะมีการจัดเวทีโดยให้กระทรวงพาณิชย์เป็นเจ้าภาพ เพื่อให้มีการประชุมหารือร่วมกันระหว่างนักธุรกิจมาเลเซียใน 5 รัฐภาคเหนือตอนบน เพื่อประชุมร่วมกับนักธุรกิจของไทย รวมทั้งผู้ส่งออกของไทยใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะกำหนดอีกครั้ง เพื่อให้เกิดการทำสัญญาซื้อขายอย่างเป็นรูปธรรมเกิดขึ้นโดยเร็ว ซึ่งการประชุมนี้กำหนดเบื้องต้นว่าจะจัดในช่วงปลายเดือนตุลาคม หรือไม่เกินเดือนพฤศจิกายนนี้
และเรื่องที่ 4 การจัดการกับการนำน้ำมันปาล์มผ่านแดนจากไทยไปประเทศเพื่อนบ้าน เช่น การนำเข้าน้ำมันปาล์มจากมาเลเซียผ่านไทยเพื่อส่งต่อไปยังลาวหรือเมียนมา เป็นต้น แต่ปรากฏว่าเท่าที่ตรวจสอบโดยกรมการค้าภายในพบว่ามีบางกรณีน้ำมันมันหกอยู่ในประเทศไทย มีผลให้ราคาปาล์มในประเทศไทยราคาตกต่ำ เรื่องนี้จะต้องมีการดำเนินการจัดการโดยเด็ดขาด โดยขอให้ทางศุลกากรไปดูว่าจะมีมาตรการในการดำเนินการเคร่งครัดในเรื่องนี้ได้อย่างไร นอกจากวิธีการไล่จับเป็นราย ๆ ถือเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว เช่น ให้มีการตรวจสอบเข้มงวดขึ้นตอนนำเข้าว่าปริมาณที่แจ้งตรงกับข้อเท็จจริงหรือไม่.-สำนักข่าวไทย