รัฐสภา 28 ส.ค.- “นพ.ธีระเกียรติ” ยื่นลาออกจาก ส.ว.แล้ว หลังจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้สิ้นสุดสภาพรัฐมนตรีเป็นการเฉพาะตัว กรณีภรรยาถือหุ้นบริษัทสัมปทานรัฐ มีผล 30 ส.ค.นี้ ระบุ ไม่ต้องการให้ยืดเยื้อ
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ (28 ส.ค.) ได้เข้าพบนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เพื่อยื่นใบลาออกจากตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา จากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้การเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว จากกรณีที่ภรรยามีการถือหุ้นบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
“แม้การตัดสินของศาล เมื่อวานนี้ (27 ส.ค.) จะเป็นเพียงการสิ้นสุดเฉพาะตัวรัฐมนตรี และขอขอบคุณอดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่ออกมาชี้แจงว่า เรื่องของคำวินิจฉัยของศาลไม่เกี่ยวกับตำแหน่งของ ส.ว. แต่ผมพิจารณาแล้ว ต้องเคารพคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ และเพื่อไม่ให้ยืดเยื้อ ผมขอแสดงเจตจำนงขอลาออกจากตำแหน่ง โดยจะมีผลในวันศุกร์ ที่ 30 สิงหาคมนี้” นพ.ธีระเกียรติ กล่าว
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า ประธานวุฒิสภาเคารพการตัดสินใจของตน และจะดำเนินการแจ้งต่อสมาชิกวุฒิสภาต่อไป และยังชื่นชมว่าเป็นการแสดงสปิริตที่ดี เนื่องจากเหตุการณ์ในลักษณะแบบนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้น เรื่องของข้อกฎหมายจะต้องไปตีความกันอีกครั้ง ดังนั้น เพื่อไม่ให้ยืดเยื้อ และย้ำว่า เรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นความชัดเจนเกี่ยวกับการถือหุ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวเองหรือคู่สมรสที่จะต้องระมัดระวัง ส่วนเรื่องเงินประจำตำแหน่ง ไม่จำเป็นต้องคืน เนื่องจากเป็นการลาออก ไม่ได้ทำอะไรผิด
“ภรรยาไม่รู้เรื่องหุ้น แต่ไม่สามารถใช้เรื่องของความไม่รู้มาอ้างไม่ได้ จึงต้องการให้ทุกคนเคารพกฎหมาย ส่วนใครจะคิดว่าเป็นการสร้างบรรทัดฐานหรือไม่ ก็แล้วแต่จะคิด แต่ผมคิดว่าเพียงพอแล้วที่จะตัดสินใจ และน่าจะจบเรื่องการเมืองเอาไว้เพียงแค่ตรงนี้ เพราะที่ผ่านมาได้ทำงานมามากแล้ว” นพ.ธีระเกียรติ กล่าว และว่า ไม่ขอแสดงความเห็นว่า คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะขัดต่อการเป็น ส.ว. หรือไม่ เนื่องจากประเทศต้องอยู่ด้วยกฎหมาย จะคิดส่วนตัวไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลาออกของ นพ.ธีระเกียรติครั้งนี้ ส่งผลให้ นายอภิชาต โตดิลกเวชช์ อดีตอธิบดีกรมพัฒนาขุมชน ซึ่งอยู่ในรายชื่อ ส.ว.สำรองลำดับที่ 2 ขึ้นมาเป็น ส.ว. แทน ส่วน นายดอน ปรมัตถ์วินัย ซึ่งมีรายชื่อสำรองลำดับที่ 1 นั้นขาดคุณสมบัติ ส.ว. เนื่องจากอยู่ระหว่างดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ .- สำนักข่าวไทย