นนทบุรี 25 ก.ค. – อธิบดีกรมการค้าภายในประชุมเตรียมแผนรับมือผลไม้หลายชนิดออกสู่ตลาด หาทางเชื่อมโยงตลาดและกระจายผลไม้ให้มากขึ้น
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ช่วงนี้ผลไม้ภาคเหนือและภาคใต้กำลังออกสู่ตลาด โดยลำไยภาคเหนือออกตลาดแล้วประมาณครึ่งหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันราคามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เช่น ลำพูน วันนี้ (25 ก.ค.) ลำไยสดร่วง AA กก.ละ 35 บาท ลำไยสดช่อ เกรด AA กก.ละ 40 – 42 บาท ส่วนภาคใต้ ผลผลิตทุเรียน เงาะ มังคุด และลองกอง โดยรวมประมาณ 648,088 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ร้อยละ 34 โดยเฉพาะมังคุดและลองกองเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 – 60 ออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 2562 และลองกองจะออกมากเดือนกันยายน – ตุลาคม 2562
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินมาตรการหาช่องทางการตลาดเพื่อรองรับผลผลิตผลไม้มาอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับผลไม้ที่มีปริมาณเพิ่มมากปีนี้ และมีปัญหากระจุกตัว เช่น มังคุด ส่งผลให้เกษตรกรขายได้ราคาต่ำลง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิขย์ จึงได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อช่วยเหลือด้านการตลาด ทั้งการเชื่อมโยงและกระจายผลไม้ ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านธงฟ้าประชารัฐ ตลาดกลาง ตลาดต้องชม สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง และสนับสนุนให้เกษตรกรมีการซื้อขายผลไม้ล่วงหน้า ในรูปแบบสัญญาข้อตกลง โดยห้างสรรพสินค้าได้ลงนามสัญญาข้อตกลงซื้อผลไม้จากเกษตรกร 7,864 ตัน ส่งเสริมให้เกษตรกรขยายช่องทางการตลาดในรูปแบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น การขายทางออนไลน์ การจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าผลไม้ตามฤดูกาล รวมทั้งสนับสนุนเงินชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3 ให้ผู้ประกอบการ เพื่อรับซื้อผลไม้จากเกษตรกรได้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ จะมีการประชาสัมพันธ์และรณรงค์การบริโภคผลไม้ไทยเพิ่มขึ้น โดยขอความร่วมมือหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ สมาคมโรงแรมไทย สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมท่องเที่ยว โรงเรียน และหน่วยงานราชการ ให้ช่วยบริโภคผลไม้ไทยแทนขนมหวานในมื้ออาหารหลักและอาหารว่างเพิ่มขึ้น รวมทั้งเพิ่มเมนูผลไม้ไทยในการจัดเลี้ยงและการจัดประชุม
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้กรมการค้าภายในยังได้ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ โดยจากการหารือทุกห้างสรรพสินค้ามีความพร้อมและต้องการรับซื้อผลไม้จากเกษตรกร รวมทั้งกรมฯ จะมีมาตรการเสริมในการจัดทำมังคุดบรรจุกล่องละ 5 กก. กระจายไปยังร้านธงฟ้าประชารัฐ ตลาดต้องชม ห้างสรรพสินค้า สถานีบริการน้ำมัน ซึ่งขณะนี้มีความต้องการซื้อจำนวนมาก เช่น ซีเจ ซูเปอร์มาร์เก็ต ยินดีรับซื้อมังคุดจากจังหวัดนครศรีธรรมราช 50 ตัน โดยจะจัดส่งภายในอาทิตย์นี้และร้านธงฟ้าประชารัฐหลายจังหวัดจากทุกภาค เช่น พิษณุโลก ลำพูน เชียงใหม่ พิจิตร ลำปาง ตาก ภูเก็ต บุรีรัมย์ สมุทรสาคร พระนครศรีอยุธยา มีคำสั่งซื้อมังคุด รวมกว่า 500 ตัน จะจัดส่งภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ และเพื่อให้เกษตรกรมีโอกาสนำผลไม้มาจำหน่ายให้ผู้บริโภคโดยตรง ยังได้ขอความอนุเคราะห์หน่วยงานเอื้อเฟื้อสถานที่ให้เกษตรกรจำหน่ายผลไม้ เช่น สถานที่บริเวณสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง และขอให้พิจารณาการส่งเสริมการขายของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง โดยใช้ผลไม้ไทยส่งเสริมการขายด้วย ซึ่งกรมฯ มั่นใจว่าจากมาตรการต่าง ๆ จะช่วยดึงราคามังคุดปรับตัวสูงขึ้น เกรดคละ กก.ละ 20 บาท และเกรด A-B กก.ละ 40 บาท
นอกจากนี้ จะมีการหารือร่วมกับสายการบินสำหรับเที่ยวบินในภาคใต้ เพื่อขอความร่วมมืออนุโลมน้ำหนักผลไม้ที่นำขึ้นเครื่องและ บมจ.ท่าอากาศยานไทย เพื่อเพิ่มจุดจำหน่ายในสนามบิน รวมทั้งกรมฯ จะมีการจัดกิจกรรมตลาดเฉพาะสินค้าที่ตลาดคลองแห จ.สงขลา และตลาดต้องชม 50 แห่ง ตลาดกลางและผลไม้ 8 แห่ง และตลาดสดในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล 8 แห่ง ในช่วงวันหยุดวันแม่แห่งชาติ เพื่อรณรงค์การบริโภคผลไม้ โดยเชื่อมโยงผลไม้จากแหล่งเพาะปลูกเป้าหมาย 400 ตัน.-สำนักข่าวไทย