อุทัยธานี 23 พ.ค.- ผู้ป่วยแห่ใช้บริการเพิ่มอีกเท่าตัวที่โรงพยาบาลหนองฉาง หลังมีข่าวตรวจรักษาจากน้ำมันกัญชา หนึ่งในผู้ป่วยเผยแม้โรคไม่หายขาด แต่เป็นทางเลือกการรักษาช่วยบรรเทาอาการได้ และต้องอยู่ในความควบคุมของแพทย์
กรณีอธิบดีกรมการแพทย์ชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้น้ำมันกัญชารักษาโรคว่า ผู้ที่ใช้ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์เพื่อความเหมาะสมในการใช้ เพราะบางคนอาจได้รับผลข้างเคียงจากฤทธิ์ของกัญชา และกัญชายังจัดเป็นยาเสพติดประเภท 5 โดยน้ำมันกัญชาไม่ได้รักษาทุกโรค และสามารถรักษาได้ใน 4 กลุ่มโรคเท่านั้น คือ โรคลมชักในเด็ก,แก้อาการคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด บรรเทาอาการปวดกรณีไม่สามารถใช้ยาแก้ปวดอื่นได้และปอกประสาทเสื่อมแข็ง
ขณะที่บรรยากาศโรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี วันนี้ (23 พ.ค.) หลังจากมีข่าวการใช้น้ำมันกัญชารักษาผู้ป่วย โดย นพ.ประเสริฐ มงคลศิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เป็นผู้ตรวจรักษาและสั่งจ่ายน้ำมันกัญชา ปรากฏว่ามีประชาชนทั้งในและต่างจังหวัดเดินทางเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว โดยมารอลงทะเบียนตั้งแต่เช้า เพื่อเข้ารับการตรวจรักษา จากเดิมเฉลี่ยวันละกว่า 100 ราย ส่งผลให้ห้องตรวจผู้ป่วยแน่นขนัด เจ้าหน้าที่ต้องเสริมเก้าอี้รองรับผู้ป่วย
สำหรับผู้ป่วยที่มาเข้ารับรักษาวันนี้พบว่าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยกลางคน และผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคเก๊าท์ และหอบหืด
จากการสอบถามนายศรายุทธ หนึ่งในผู้ป่วยที่มาเข้ารับรักษาด้วยโรคเก๊าท์ ระบุว่า ถึงแม้น้ำมันกัญชาไม่ได้ช่วยให้โรคหายไป แต่หลังจากใช้น้ำมันกัญชาก่อนนอนวันละ 1 หยด เป็นเวลา 2 เดือน อาการปวดก็บรรเทาลง นอนหลับได้ดีขึ้น จึงพาพ่อและแม่จากจังหวัดนครราชสีมามาให้แพทย์ตรวจก่อนทำการรักษา เพราะไม่อยากซื้อไปให้พ่อกับแม่ใช้เอง เนื่องจากทราบดีว่าปริมาณในการใช้ของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน จึงให้แพทย์ได้ตรวจก่อนและให้คำแนะนำจะดีกว่า ซึ่งพ่อมีอายุมาแล้ว 82 ปี ป่วยโรคเก๊าท์ ความดัน ส่วนแม่ อายุ 70 ปี ป่วยไทรอยด์
นายศรายุทธ กล่าวด้วยว่า น้ำมันกัญชาถือเป็นทางเลือกและเป็นความหวังของผู้ป่วย เพราะเชื่อว่าผู้ป่วยไม่อยากฝืนทนกับจากอาการเจ็บป่วย หรือต้องกินรักษาโรคในปริมาณมาก ๆ แต่การใช้น้ำมันกัญชาเพื่อรักษาควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ จึงจะปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย