บึงกาฬ 22 พ.ค.-ชายวัย 70 ปี ขึ้นเขาภูวัวหาของป่าก่อนขอแยกออกจากกลุ่มเพื่อนไปหารังผึ้ง สุดท้ายพบกลายเป็นศพถูกไฟเผาไหม้พุพองทั้งตัว
เวลา 05.30 น. วันนี้ ร.ต.อ.คำผง สุนะไตร รอง.สว.(สอบสวน) สภ.บุ่งคล้า อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ รับแจ้งจากนายทวีป กำแพงเมือง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ว่าพบชายเสียชีวิตบนป่าภูวัว จึงรายงานให้ พ.ต.อ.อธิคม จันทร์อินทร์ ผกก.ทราบพร้อมประสาน น.พ.ณรงค์วรรษ พรหมสาขา ณ สกลนคร แพทย์โรงพยาบาลบุ่งคล้า เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์ป่า ผู้นำชุมชน หน่วยกู้ภัยสว่างศรีวิไลจุดบุ่งคล้าและบึงโขงหลง และชาวบ้านจำนวนกว่า 30 คน รุดไปยังที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ห่างจากสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว บ้านขามเปี้ย หมู่ 7 ต.บุ่งคล้า ประมาณ 4 กิโลเมตร ต้องเดินเท้าขึ้นไปบนสันเขาผ่านโขดหินสูงชัน ป่ารก ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง เมื่อไปถึงบริเวณพื้นที่โล่งแจ้งพบศพนายกัณหา อายุ 70 ปี สภาพศพคว่ำหน้าคุกเขาโก่งโค้งอยู่กับพื้นหิน เสื้อผ้าที่สวมใส่โดนไฟไหม้หมด เห็นผิวหนังพุพองทั้งตัว ที่เท้าสองข้างมีซากรองเท้าบูทที่โดนไฟไหม้จนละลายติดเท้า ใกล้กับศพมีกระเป๋าสะพายสำภาระตกอยู่ ห่างออกไปราว 50 เมตร พบถังสีขาวมีผ้าขาวม้าผูกไว้อยู่ใต้หน้าผาที่มีผึ้งหลวงทำรังขนาดใหญ่เกาะอยู่ จึงได้ช่วยกันนำร่างลงมาจากเขาให้แพทย์ชันสูตรอย่างทุลักทุเล
สอบถามนางสลิทธิ์ อายุ 60 ปี ภรรยา เล่าว่า หลังจากกรีดยางเสร็จทุกวัน ผู้ตายก็จะขึ้นเขาไปหาของป่ากลับกลุ่มเพื่อนๆ เป็นประจำ บางครั้งก็ได้เห็ด หน่อไม้และก็รังผึ้งนำมาทำอาหารเลี้ยงครอบครัว ถึงแม้อายุจะมากแล้ว หากเหลือก็จะแบ่งขายเป็นรายได้เสริม โดยจะกลับเข้าบ้านในช่วงเย็นๆ ของทุกวัน แต่วานนี้ไม่เห็นกลับตามปกติ จึงได้ไปแจ้งผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าออกตามหา จนพบกลายเป็นศพ
นายทวีป คำแพงเมือง หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเย็นวานนี้ มีชาวบ้านมาแจ้งเจ้าหน้าที่ว่ามีคนแก่ที่ขึ้นไปหาของป่า แล้วหายตัวไปจึงส่งเจ้าหน้าที่และชาวบ้านร่วมกันออกค้นหา จนพบว่าเสียชีวิต ซึ่งกรณีนี้เป็นเหตุการณ์สุดวิสัย เนื่องจากชาวบ้านขึ้นเขาไปโดยไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ ซึ่งจากการตรวจดูพื้นที่เกิดเหตุสันนิษฐานว่าขณะที่ผู้ตายก่อไฟจะลนรังผึ้งนั้น ผึ้งอาจแตกรังบินวนมารุมต่อยทำให้ผู้ตายทิ้งสัมภาระวิ่งหนีหวังเอาตัวรอด แต่ไม่พ้นล้มลงเพราะฤทธิ์เหล็กใน เจ็บปวดจนสิ้นใจตาย ก่อนไฟที่ก่อไล่ผึ้งจะลุกลามมาไหม้ศพซ้ำ สอบถามญาติๆ ไม่มีใครติดใจในการเสียชีวิตจึงมอบศพให้นำกลับไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป.-สำนักข่าวไทย