นนทบุรี 21 พ.ค. – สถาบันอัญมณีฯ ประเมินสงครามการค้า ส่งผลดีสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยไปสหรัฐเพิ่มขึ้น แต่จีนส่งออกไปสหรัฐลดลงกระทบนำเข้าวัตถุดิบจากไทย แนะช่องทางออนไลน์เพิ่มยอด
นางดวงกมล เจียมบุตร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือจีไอที เปิดเผยถึงผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่มีต่ออุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ว่า จากการประเมินเบื้องต้น พบว่าระยะสั้นถึงกลางไทยจะได้รับผลดี หากสหรัฐเก็บภาษีสินค้านำเข้ารายการที่เหลือจากจีนเพิ่มขึ้นทุกรายการ ซึ่งเท่ากับว่าจะรวมถึงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ทำให้สินค้าจากจีนมีราคาสูงขึ้น จึงมีความเป็นไปได้ที่ผู้ซื้อผู้นำเข้าสหรัฐจะหันไปนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่น ๆ รวมทั้งไทยแทน ซึ่งปัจจุบันสหรัฐเป็นตลาดส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับลำดับ 3 ของไทย
อย่างไรก็ตาม ต้องระวังหากจีนส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไปสหรัฐลดลงอาจนำเข้าสินค้าจากไทยลดลงด้วย โดยเฉพาะสินค้ากึ่งวัตถุดิบอย่างพลอยสีทั้งพลอยเนื้อแข็งและพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทยในตลาดจีน เพราะจีนเป็นผู้ผลิตเครื่องประดับส่งออกไปสหรัฐรายใหญ่ หากสหรัฐลดการนำเข้าเครื่องประดับจากจีนลง ก็อาจส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังสินค้าพลอยสีของไทยที่ส่งไปสนับสนุนห่วงโซ่การผลิตเครื่องประดับของจีนลดลงได้ ซึ่งระยะยาว จะต้องจับตาผลกระทบจากสงครามการค้าที่อาจทำให้เศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศชะลอตัว และกระทบต่อเนื่องถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก เพราะความเชื่อมั่นทางการค้าและการลงทุนของโลกลดลง และนำไปสู่การฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก ซึ่งจะกระทบต่อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ จากการเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจเป็นหลัก ผู้บริโภคก็จะระมัดระวังการใช้จ่ายซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย ก็จะส่งผลให้การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยไปยังตลาดโลกลดลงตามไปด้วย
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเตรียมรับมือกับผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น และกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาเพียงตลาดเดียวด้วยการมองหาตลาดใหม่อื่นที่มีศักยภาพมาทดแทน รวมทั้งเพิ่มช่องทางการจำหน่ายใหม่ ๆ อย่างการใช้การค้าออนไลน์มาเป็นตัวช่วยเปิดตัวสินค้าไทยออกสู่ตลาดโลก ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุน แต่ยังกระจายการส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ มากขึ้น โดยตลาดส่งออกที่มีศักยภาพปัจจุบัน คือ ตลาดตะวันออกกลาง ปี 2561 ส่งออกมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.12 คิดเป็น ร้อยละ 7.5 ของการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับรวมทั้งหมดของไทย ที่มีมูลค่าประมาณ 400,000 ล้านบาท โดยสินค้าที่มีโอกาส คือ เครื่องประดับทองคำ พลอยสี และเพชร ส่วนประเทศที่มีการส่งออกขยายตัวสูง คือ กาตาร์ โอมาน คูเวต และอียิปต์ และเกิดกลุ่มประเทศ GCC ประกอบด้วย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาร์เรน ซาอุดิอาระเบีย คูเวต การ์ตา และโอมาน
อย่างไรก็ตาม สหรัฐเป็นตลาดส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับอันดับ 2 ของจีน รองจากฮ่องกง โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จีนส่งออกไปสหรัฐมีมูลค่าเฉลี่ย 4,599.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่จีนนำเข้าอัญมณีและเครื่องประดับจากสหรัฐมูลค่าเฉลี่ย 1,027.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนปี 2561 จีนส่งออกไปสหรัฐมูลค่า 3,144.55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าส่งออกหลักสัดส่วนเกือบร้อยละ 70 เป็นเครื่องประดับทอง รองลงมาเป็นเครื่องประดับเทียม และเครื่องประดับเงิน ขณะที่จีนนำเข้าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับจากสหรัฐมูลค่า 3,239.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยทองคำเป็นสินค้านำเข้าหลัก สัดส่วนร้อยละ 80 รองลงมาเป็นโลหะเงิน และเครื่องประดับทอง และไตรมาสแรกของปี 2562 จีนส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไปยังสหรัฐมูลค่า 516.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 22 และนำเข้าจากสหรัฐมูลค่า 111.711 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 20 เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย