กรุงเทพฯ 15 พ.ค. – ภาคอสังหาริมทรัพย์รอความชัดเจนการเมือง หวังดึงความเชื่อมั่นนักลงทุน คาดปีนี้ติดลบ 7 – 10%
นายอิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทในกลุ่มกานดากรุ๊ป กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้เติบโตค่อนข้างชะลอตัว ซึ่งจะทรงตัวเท่ากับปีที่ผ่านมาทั้งในส่วนของจำนวนยูนิตใหม่และยอดโอน โดยตลาดอสังหาริมทรัพย์กรุงเทพฯ และปริมณฑลยังเติบโตได้ดี ขณะที่ตลาดต่างจังหวัดยังชะลอตัว โดยยังมีหลายตัวแปรที่ต้องติดตาม ทั้งความชัดเจนด้านการเมืองหลังการเลือกตั้งที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การลงทุน และภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งผู้ประกอบการน่าจะมีระมัดระวังในการเปิดตัวโครงการใหม่ ด้านผู้บริโภคหรือผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยนั้น ต้องมีการเตรียมตัวที่จะต้องวางเงินดาวน์เพิ่มขึ้นและอาจกู้ไม่ได้เต็ม 100% ขณะเดียวกันต้องมีเครดิตที่ดี
สำหรับมาตรการ LTV โดยส่วนตัวเชื่อว่าจะส่งผลต่อโครงสร้างสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้เกิดการชะลอตัวระยะยาว เนื่องจากมาตรการดังกล่าวส่งผลให้มีกลุ่มผู้บริโภคบางส่วนหายไปจากระบบ ส่วนมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ภาครัฐเชื่อว่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เช่นกัน
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ชะลอตัว คาดจะติดลบร้อยละ 7 – 10 เทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากฐานปีที่แล้วสูง โดยตลาดมีการปรับตัวใกล้เคียงกับปี 2560 ที่ถือว่าธุรกิจมีขึ้นมีลงตามธรรมชาติปกติไม่ได้เกิดจากการเก็งกำไรหรือซื้อลงทุนจนเกินจำเป็น ตลาดยังคาดหวังความชัดเจนด้านการเมืองที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและดึงนักลงทุนกลับมา
ส่วนกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ โดยให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ 0.01% จากเดิม 2%ของราคาประเมินทุนทรัพย์ สำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นที่ดินพร้อมอาคารหรืออาคารที่อยู่อาศัยประเภท บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และบ้านแถว สำหรับราคาซื้อขายไม่เกิน 1 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 1 ล้านบาท รวมถึงให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนห้องชุดและค่าจดทะเบียนการจำนองห้องชุด จากเดิม 1% ของมูลค่าที่จำนอง เหลือ 0.01% สำหรับกรณีการโอนกรรมสิทธิ์และการจำนองห้องชุดในอาคารชุด โดยราคาซื้อขายไม่เกิน 1 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 ว่า มาตรการนี้จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายผู้มีรายได้น้อยและปานกลางลงได้ กรณีซื้อบ้านราคา 1 ล้านบาท จ่ายค่าโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองเพียง 200 บาท จากเดิม 20,000 บาท หรือหากซื้อคอนโดมิเนียมจ่ายเพียง 100 จาก 10,000 บาท เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้น แต่ผลของมาตรการจะมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับว่าลูกค้ากลุ่มนี้จะมีกำลังซื้อและเข้าถึงสินเชื่อได้หรือไม่ สำหรับมาตรการ LTV ยอมรับกระทบกับภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเชื่อว่าผู้ประกอบการและผู้บริโภคจะสามารถปรับตัวได้ในครึ่งหลังของปี
ขณะที่จากการสำรวจทำเลบ้านจัดสรรในกรุงเทพฯ ขายดีที่สุด 5 อันดับแรก โดยดูจากสัดส่วนขายได้ต่อหน่วยทั้งหมดในโครงการ ได้แก่ 1.สีลม-สาทร-บางรัก 2.หลักสี่-ดอนเมือง-สายไหม-บางเขน 3.พระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ 4.คลองสามวา-มีนบุรี-หนองจอก-ลาดกระบัง และ 5.ลาดพร้าว-วังทองหลาง-บางกะปิ.- สำนักข่าวไทย