กระทรวงมหาดไทย 13 เม.ย. – กทม.จัดพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ และเชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์จากหอศาสตราคมในพระบรมมหาราชวังไปเก็บรักษาที่กระทรวงมหาดไทย ถือเป็นคนโทใบสุดท้าย ก่อนทำพิธีเสกน้ำอภิเษกรวมกันที่วัดสุทัศนฯ 18 เม.ย.นี้
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ของกรุงเทพมหานคร สำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์จากหอศาสตราคมในพระบรมมหาราชวังไปเก็บรักษาที่ห้องดอกแก้ว กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์จาก 76 จังหวัดทั่วประเทศเพื่อรอการประกอบพิธีเสกน้ำอภิเษก โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานในพิธีเสกน้ำอภิเษกในวันที่ 18 เมษายนนี้เวลา17.19 น.- 21.30 น. ที่วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร
โดยพิธีเริ่มขึ้นตั้งเเต่เวลา 13.00 น.พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ พร้อมประพรมน้ำพระพุทธมนต์โดยรอบพระราชฐานชั้นใน ต่อมา 13.30 น. ผู้ว่าฯกทม. อธิษฐานจิตพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์จากบาตรน้ำมนต์ภายในหอศาสตราคมบรรจุในคนโท จากนั้นเชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์จากหอศาสตราคมขึ้นรถยนต์บริเวณหน้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ออกไปยังริ้วขบวนเชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์ บริเวณถนนหน้าพระลาน และเริ่มเคลื่อนขบวนผ่านถนนสนามไชย เลี้ยวถนนกัลยาณไมตรี ถนนอัษฎางค์ และเข้าสู่กระทรวงมหาดไทย และเชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์ของกรุงเทพมหานครขึ้นวางบนแท่นที่จัดไว้สำหรับกรุงเทพมหานครในห้องดอกแก้ว เป็นอันเสร็จพิธี โดยมีนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทยตั้งเเถวรับคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์ ทั้งนี้คนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์ของกรุงเทพมหานครเป็นคนโทใบสุดท้ายที่ได้เชิญมาเก็บรักษาในห้องดอกแก้ว ร่วมกับคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์จาก 76 จังหวัดทั่วประเทศ
ริ้วขบวนประกอบด้วย วงดุริยางค์ ริ้วขบวนธงชาติและธงตราสัญลักษณ์พิธีบรมราชาภิเษก และริ้วขบวนผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ซึ่งประกอบด้วย คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร และข้าราชการกรุงเทพมหานครชั้นผู้ใหญ่ รวมผู้ร่วมขบวนทั้งหมด 423 คน ระยะทาง 1,027 เมตร โดยระหว่างเส้นทางวงดุริยางค์บรรเลงบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร เพลงมาร์ชราชวัลลภ ใกล้รุ่งเเละยามเย็น
สำหรับน้ำศักดิ์สิทธิ์จากหอศาสตราคมไม่ต้องผ่านพิธีการอภิเษกน้ำก่อนเหมือนกับจังหวัดอื่นๆเนื่องจากน้ำศักดิ์สิทธิ์จากหอศาสตราคมจะผ่านพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์สำหรับสรงพระพักตร์และประพรมรอบพระมหามณเฑียร ทุกๆวันพระหรือวันขึ้น 8 ค่ำ วันขึ้น 15 ค่ำ วันแรม 8 ค่ำและวันแรม 15 ค่ำเป็นประจำอยู่แล้ว รวมทั้งน้ำศักดิ์สิทธิ์จากหอศาสตราคมได้นำมาใช้ในพระราชพิธีสำคัญสำคัญตามโบราณราชประเพณีอยู่เสมอ
หลังเสร็จพิธี พล.ต.อ.อัศวิน ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่เเละข้าราชการทุกคนที่ได้ร่วมเเรงร่วมใจทำพิธีในวันนี้จนงานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ซึ่งพิธีนี้ถือเป็นสิริมงคลของชีวิตของปวงชนชาวไทยทุกคน เเละให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงความคืบหน้าการปรับปรุงภูมิทัศน์ของกรุงเทพมหานครเพื่อเตรียมในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกว่า สมบูรณ์ครบถ้วนเกือบทั้งหมดเเล้ว เหลือเพียงใกล้พิธีรอเติมสีหรือเส้นทางจราจรในชัดเจนเท่านั้น ส่วนหากประชาชนที่อยากมาร่วมชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด เเต่สถานที่อาจไม่เพียงพอ กทม.รองรับได้เฉพาะเส้นทางสถลมารคที่พระองค์ท่านเสด็จนิวัติ 6,200 เมตร จะรองรับประชาชนได้ 2-3 เเสนคนเท่านั้น ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้ถ่ายทอดโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจให้ประชาชนได้ชมทั่วประเทศ โดยในกทม.ได้ติดตั้งจอเเอลอีดีฉายพระราชกรณียกิจต่างๆให้ชมตลอดทั้งวันตั้งเเต่วันที่ 1 พ.ค.จนจบพระราชพิธี.-สำนักข่าวไทย