นนทบุรี
12
เม.ย.-อธิบดี กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เตรียมทบทวนเป้าหมายตัวเชขส่งออกปี 62 ใหม่
โดยในเดือนพฤษภาคมนี้ได้ตัวเลขชัดเจนขึ้น
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์
อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า โดยภาพรวมยอมรับว่าในปีนี้
และปีต่อๆไป ภาคการส่งออก จะไม่ใช่ตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
รวมถึงจะไม่สามารถนำมาใช้เป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจได้เพียงพอ
จึงจำเป็นจะต้องหันมาดูตัวเลขการลงทุนของคนไทยในต่างประเทศ
และภาคบริการอย่างจริงจัง
เพราะจะเห็นได้ว่า ประเทศพัฒนาและส่วนใหญ่การส่งออกจะไม่สูงมาก ดังนั้น ไทย
จะต้องเปลี่ยนมาพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศ ทั้งจากคนไทยเอง
และนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มาไทย และจากแนวทางของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
ได้สั่งการให้มาเน้นธุรกิจบริการ
เพื่อเพิ่มการบริโภคของนักท่องเที่ยวทั้งไทยเองและต่างชาติให้มากขึ้น และในอนาคต
สินค้าหลายๆตัว จะได้รับอานิสงส์ในการส่งออก
เมื่อนักท่องเที่ยวรู้จักสินค้าไทยมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม
ในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ จะได้หารือกับภาคเอกชนแต่ละอุตสาหกรรมอีกครั้ง
เพื่อประเมินสถานการณ์การส่งออก
ก่อนที่จะนำข้อมูลไปประชุมร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศจากทั่วโลก
ที่จะเดินทางมาร่วมงานแสดงสินค้าอาหาร 2019 หรืองาน THAIFEX
– World of Food Asia 2019 (ไทย-เฟก
เวิล์ด ออฟ ฟูด เอเชีย) ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้
เพื่อปรับแผนการทำงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์
และทบทวนเป้าหมายการส่งออกทั้งปีนี้ใหม่
ทั้งนี้
หลักๆ จะจัดทำแผนออกเป็น 2 ส่วน คือสินค้าที่ยังส่งออกได้ดี
โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร เกษตร และเกษตรแปรรูป รวมถึงสินค้าที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ เช่น
ของใช้ในบ้านและของแต่งบ้าน ที่จะต้องทำงานให้หนักขึ้น
ส่วนสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามทางการค้า เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์
และอิเล็กทรอนิกส์ ยอมรับว่า บางตัวยากที่ผลักดันให้สูงขึ้น
เพราะเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้น แต่จะต้องปรับแผนไปเน้นสินค้าที่ใช้มาตรการการกีกกันระหว่างกัน
ให้มาเป็นโอกาสของไทย ขณะที่ ผู้ส่งออกเอง
ก็เชื่อว่าเป็นภาวะที่ทุกคนระวังตัว และสามารถปรับตัวได้ในระดับหนึ่ง
แต่ปัจจัยเสี่ยงจากค่าเงินบาท ยังถูกละเลยจากผู้ส่งออกรายเล็ก
จึงอยากให้ผู้ประกอบการให้ความสำคัญหับการทำประกันความเสี่ยง หรือ
ใช้เงินสกุลของประเทศคู่ค้าแทนการผูกกับเงินดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม
ในการหารือกับภาคเอกชน
กรมฯจะเพื่อประเมินสถานการณ์ภาพรวมการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังว่าจะเป็นไรอย่างหลังจากนั้นจะนำประเด็นต่างๆไปร่วมประชุมกับภาคอุตสาหกรรมในแต่ละสาขาอีกครั้งในช่วงเดือนพฤกภาคมนี้
คาดว่าน่าจะได้ตัวเลขการส่งออกตลอดทั้งปี 62 ได้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งในปีนี้ การส่งออกของไทยไม่ถือว่าเป็นพระเอก
เพราะมีปัจจัยกระทบอยู่หลายด้าน
แม้ว่าในช่วงนี้จะสงครามการค้าสหรัฐและจีนจะไม่ร้อนแรงและผู้ส่งออกส่วนใหญ่มองว่าสงครามการค้าสหรัฐและจีนจะมีทางออกจึงไม่ม่าจะวิตกอีก
แต่สิ่งที่ผู้ส่งออกทุกกลุ่มอุตสาหกรรมกังวลมาก คือ
การแข็งค่าของค่าเงินบาทที่มีโอกาสอาจจะกลับมาแข็งค่าได้อีก
ทั้งที่พยายามลดความเสี่ยงด้วยการประกันค่าเงินไว้ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม
กรมฯยังเห็นว่า แม้เป้าหมายตัวเลขการส่งออกของไทยที่คาดการณ์ไว้ปีนี้จะส่งออกเติบโตได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ
8 แต่จากหลายสำนักและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้อาจทำให้เป้าหมายการส่งออกปีนี้จะเติบโตได้เพียงร้อยละ
3-5 นั้น ซึ่งทางกรมฯถือว่าขณะนี้
ยังคงไม่สามารถประเมินได้ชัดเจนขอรอฟังและประเมินร่วมกับทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชน
แต่ยังคาดการณ์แม้ยังมีหลายปัจจัยแต่คาดว่าตัวเลขการส่งออกของไทยในปีนี้จะไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมาที่ตัวเลขการส่วออกของไทยขยายตัวได้ถึงร้อยละ
6.45 หรือจากแนวทางและแผนที่ได้ปรับการทำงานร่วมกับภาคเอกชนทำงานได้อย่างเต็มที่ก็อาจทำให้เป้าที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ว่าส่งออกปีนี้จะเติบโตได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ
8 ก็เป็นไปได้
แต่ต้องรอผลประชุมร่วมทุกฝ่ายแล้วคงจะประกาศตัวเลขส่งออกของปีนี้ตามสถานการณ์จริงกันได้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย