พรรคประชาธิปัตย์18 มี.ค.- รองโฆษก ปชป.แฉผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราชสั่งเกณฑ์คนต้อนรับ “พล.อ.ประยุทธ์” จี้กกต.ตรวจสอบด่วน ฐานใช้ของหลวงหาเสียง เอื้อประโยชน์ พปชร. หรือไม่ ระบุเข้าข่ายผิดกม.เลือกตั้ง ม.78. หวั่นก่อชนวน ไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง
นายเชาว์ มีขวด รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ตรวจสอบพฤติกรรมพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าเข้าข่ายใช้เวลาราชการ ทรัพยากรของรัฐ และงบประมาณของรัฐ เพื่อการหาเสียงแอบแฝงช่วยพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งหรือไม่ ตนได้รับเอกสารราชการลงวันที่ 13 มี.ค.2562 ลงนามโดย ทำถึงหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ ให้มาร่วมต้อนรับพล.อ.ประยุทธ์ และคณะ ที่เดินทางมาตรวจราชการและเยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยจากพายุโซนร้อนปาบึก ในวันนี้ (18 มี.ค.) พร้อมแนบร่างกำหนดการ งาน และมอบหมายภารกิจเชิญกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมกิจกรรม โดยมีการตั้งเป้าหมายระดมคนให้ได้ 20,000 คน จากทั้งหมด 13 อำเภอ ซึ่งมีรายละเอียดบัญชีมอบหมายภารกิจ และกำหนดจำนวนคนในแต่ละอำเภอเช่น อ.เมือง 3,500 คน อ.ปากพนัง 1,500 คน อ.ทุ่งสง 1,200 คน เป็นต้น
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ตนทราบมาว่า ในช่วง 7 วันก่อนเลือกตั้งจะมีการเกณฑ์คน ไปต้อนรับพล.อ.ประยุทธ์ทุกพื้นที่ที่อ้างว่าไปตรวจราชการ ซึ่งผิดวิสัยของการไปตรวจราชการตามปกติ ยังมีการจัดเวทีในลักษณะให้ปราศรัยกับประชาชนไม่แตกต่างจาก เวทีปราศรัยของพรรคการเมือง เพียงแต่เลี่ยงไม่มีชื่อพรรคการเมืองอยู่ในเวทีเท่านั้น ซึ่งกำหนดการที่จะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดตากในวันที่ 19 มี.ค.และฉะเชิงเทราในวันที่20 มี.ค. เชื่อได้ว่าจะมีผู้ไปต้อนรับเป็นจำนวนมาก ไม่ต่างจากที่เชียงราย แพร่และนครศรีธรรมราช
นายเชาว์ กล่าวว่า พฤติกรรมเช่นนี้ กกต.ต้องตรวจสอบ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองด้วย และยังหาเสียงว่าให้เลือกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เพื่อให้พล.อ.ประยุทธ์ทำงานต่อ จึงแยกไม่ออกระหว่างภารกิจของรัฐบาลกับนโยบายของพปชร.ในขณะนี้ อีกทั้งคะแนนนิยมในตัวพล.อ.ประยุทธ์ ผ่านการใช้กลไกราชการครั้งนี้จะมีผลในเชิงบวกโดยตรงกับพปชร. การกระทำ จึงอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งส.ส. มาตรา 78 ที่ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายกระทำการใด ๆ เพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง การใช้ราชการเกณฑ์คนเพื่อไปต้อนรับนายกฯและคณะตามรายละเอียดข้างต้น เป็นการกระทำที่เกินกว่าวิสัยการปฏิบัติหน้าที่ปกติ จึงเป็นเรื่องที่กกต.ต้องเร่งตรวจสอบ และชี้ขาดว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่
“เรื่องนี้สามารถพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วนได้เลยไม่จำเป็นต้องมีผู้ร้อง เพราะเมื่อเเผยแพร่สู่สาธารณะก็ถือว่าความปรากฏแล้ว ผมอยากเรียน กกต. ทั้ง 7 ท่านอย่าเอาเกียรติยศและศักดิ์ศรีที่ท่านมีมาเสี่ยง การปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. ต้องเป็นไปโดยอิสระและเที่ยงธรรม ตรวจสอบทุกพรรคอย่างเท่าเทียม ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาถูกดำเนินคดีอาญา แต่ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือจะทำให้บ้านเมืองเสียหายเกินกว่าจะเยียวยาได้และฝากถึงพล.อ.ประยุทธ์ว่าหากไม่มีส่วนรู้เห็น ต้องรีบระงับยับยั้ง ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่ถ้าปล่อยปละละเลยก็แสดงว่ารู้เห็นเป็นใจ”นายเชาว์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย