โรงไฟฟ้าบางปะกง เริ่มผลิตไฟฟ้าจากปาล์ม


ฉะเชิงเทรา 2 ก.พ.-โรงไฟฟ้าบางปะกงเริ่มเดิอนเครื่องด้วยปาล์มน้ำมันแล้ว ด้านกรมการค้าภายในชี้แจงการสมัครผู้จำหน่ายน้ำมันปาล์มให้ กฟผ. โปร่งใสทุกขั้นตอน ไม่มีการตัดสิทธิปริมาณจำหน่ายตามกระแสข่าว ยันสตอกในประเทศมีเพียง 350,000 ตัน 


นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน  เปิดเผยว่า  ในวันนี้ (2 ก.พ.) ได้เปิดเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ด้วยน้ำมันปาล์มดิบ  โรงไฟฟ้าพลังความร้อนบางปะกง หน่วยที่ 3 จ.ฉะเชิงเทรา    หลังจากที่มีการจัดส่งน้ำมันปาล์มดิบล็อตแรก จำนวน 4,000 ตัน มาทางเรือจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีถึงโรงไฟฟ้าบางปะกงแล้วเมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา   โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมันปาล์มดิบร่วมกับก๊าซธรรมชาติ ในอัตราส่วน 50 : 50 แล้ว และ จากการที่ กฟผ. ได้ปรับปรุงอุปกรณ์ของโรงไฟฟ้า ทำให้สามารถใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นเชื้อเพลิงมาผลิตไฟฟ้าได้ประมาณเดือนละ 30,000 ตัน ซึ่งตามแผนจะสามารถดูดซับน้ำมันปาล์มดิบในตลาดเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรได้ จำนวน 160,000 ตัน  ในช่วง 6 เดือน (ก.พ.- ก.ค.)  

“หลังจากนี้จะต้องดำเนินการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงสกัดต่าง ๆ จนครบจำนวน 160,000 ตัน และจะมีพิธีลงนามสัญญาระหว่าง กฟผ. กับผู้ค้าน้ำมันปาล์มดิบในเร็ววันนี้  โดย การนำน้ำมันปาล์มดิบมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าจะไม่กระทบกับค่าไฟฟ้าของประชาชนแต่อย่างใด เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจะไม่นำไปคิดรวมกับค่าเอฟที (FT)”รมว.พลังงาน กล่าว  

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ มอบให้ กฟผ. รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ 160,000 ตัน ราคากิโลกรัมละ 18 บาท เพื่อดึงราคาผลปาล์มของเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันให้สูงขึ้น และกรมการค้าภายใน เป็นผู้จัดหาผู้จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้แก่ กฟผ.  ทางฯกรมฯได้ออกประกาศรับสมัครผู้ประสงค์จำหน่าย  ยื่นใบสมัครตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม – 11 มกราคม 2562 และขยายเวลารับสมัครไปจนถึงวันที่ 25 มกราคม 2562 ซึ่งปรากฏว่า มีผู้เสนอจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบรวม 40 ราย ปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่เสนอขายรวม 130,000 ตัน 


ผลจากการพิจารณาใบสมัคร 2 ครั้ง มีผู้สมัครที่มีคุณสมบัติและยื่นเอกสารครบถ้วน ผ่านการคัดเลือกเป็นผู้มีสิทธิจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้ กฟผ. ครั้งที่ 1 จำนวน 21 ราย ปริมาณ 63,000 ตัน ครั้งที่ 2 จำนวน 11 ราย ปริมาณ 51,000 ตัน รวมทั้งสิ้น 32 ราย ปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่เสนอขาย 114,000 ตัน จากเป้าหมาย 160,000 ตัน  ดังนั้น เมื่อวันที่ 30 มกราคม  จึงได้เปิดรับสมัครอีกรอบ เพิ่มเพื่อให้ครบตามเป้าหมาย 160,000 ตัน ไปจนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 และคาดว่าจะครบจำนวนตามเป้าหมาย

อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า  โดยการพิจารณาคัดเลือกผู้มีสิทธิจำหน่าย ได้พิจารณาตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่คณะอนุกรรมการบริหารและกำกับดูแลมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ กำหนด  ไม่มีการปรับลดปริมาณ ไม่มีการตัดสิทธิใดๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นผู้สมัครรายที่ไม่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ดังนั้นกรณีที่มีการกล่าวหาว่ามีผู้สมัครบางรายถูกตัดสิทธิ โดยไม่เป็นธรรมนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และกรณีที่มีการให้ข่าวว่า ปริมาณสตอกน้ำมันปาล์มคงเหลือในประเทศ มีจำนวน 700,000 ตัน ก็เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากปัจจุบันสตอกน้ำมันปาล์มในประเทศมีอยู่ประมาณ 350,000 ตัน หากถูกนำไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า 160,000 ตัน ครบถ้วนจะเหลือ CPO ในสตอกเพียง 190,000 ตัน ต่ำกว่าสตอกปกติที่มีคือ 250,000 ตัน การบิดเบือนข้อมูลข้อเท็จจริงดังกล่าว จะสร้างความเสียหายต่อเกษตรกรและอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติครบถ้วนจะได้รับจัดสรรตามปริมาณที่ยื่นเสนอในใบสมัคร 

ได้แก่  บจ. ปาโก้เทรดดิ้ง ปริมาณ 11,000 ตัน ,  ปริมาณ 8,000ตัน จำนวน 2 รายได้แก่    บจ. ปาล์มพัฒนาชายแดนใต้ และ บจ. เจริญน้ำมันปาล์ม ,จำนวน 6,000 ตัน จำนวน 2 รายได้แก่  บจ. พี. ซี. ปาล์ม (2550) และ บจ. ป. พานิชรุ่งเรืองปาล์มออยล์, บจ. ป. พานิชรุ่งเรืองปาล์มออยล์ ปริมาณ 5,000 ตัน,    ปริมาณ 4,000 ตัน จำนวน   8 ราย ได้แก่ บจ. จิรัสย์ปาล์ม, บจ. ศรีเจริญปาล์มออยล์, บจ. ทักษิณปาล์ม (2521), บจ. ทักษิณอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม (1993),บจ. พิทักษ์ปาล์มออยล์ , บจ. กรีน กลอรี่ , บจ. ท่าทองปิโตรเลียม , บจ. พี. ซี. สยามปิโตรเลียม,ปริมาณ 3,000 ตัน จำนวน 3 ราย ได้แก่  1) บจ. กลุ่มสมอทอง (สาขาท่าชนะ) 2) บจ. กลุ่มสมอทอง (สาขาพนม) และ 3) บมจ. ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม, ปริมาณ 2,000 ตัน จำนวน 14 ราย และปริมาณ 1,000 ตัน จำนวน 1 ราย คือ สหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด 

            ทั้งนี้ กรมฯ ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้ กฟผ. ยื่นความจำนงจำหน่ายน้ำมันปาล์มตามโครงการได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่แหล่งผลิตทั่วประเทศ และสามารถเข้าดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์กรมการค้าภายใน www.dit.go.th –สำนักข่าวไทย

——————————————-

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สาวซิ่งรถหรูชนท้าย จยย. ทำแม่ลูกดับ 3 ศพ

แม่ขี่ จยย.ไปรับลูก 2 คน กลับจากเรียนพิเศษ ถูกสาวขับรถหรูซิ่งชนท้าย ร่างกระเด็นตกสะพานข้ามรางรถไฟ เสียชีวิตทั้ง 3 คน ส่วนผู้ก่อเหตุอุ้มแมว ทิ้งรถ หลบหนีไป

ปิดล้อมล่ามือปืนคลั่งสังหาร 3 ศพ

ตำรวจเร่งไล่ล่ามือปืนคลั่งก่อเหตุยิง 3 ศพ ในพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู ล่าสุดปิดล้อมพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ รอยต่อ จ.เลย หลังพบเบาะแสคนร้ายหนีไปซ่อนตัว ขณะที่ชนวนสังหารยังไม่แน่ชัด

ลูกชายมือปืนคลั่งยิง 3 ศพ พาครอบครัวหนีตาย พ่อโพสต์ขู่ฆ่าล้างครัว

ลูกชายมือปืนคลั่งยิงดับ 3 ศพ ต้องพาภรรยาและลูก รวมถึงพ่อตา-แม่ยาย หนีไปอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง หลังพ่อโพสต์ข้อความขู่จะฆ่าล้างครัว เหตุจากปัญหาในครอบครัว

ชายคลั่งยิง3ศพ

ชายคลั่งยิงดับ 3 ศพ โผล่วัดที่ จ.เลย ขอข้าวกิน ก่อนหนีเข้าป่า

แม่ครัววัดภูคำเป้ ต.ผาสามยอด อ.เอราวัณ จ.เลย เผยพบชายคลั่งยิงดับ 3 ศพ เดินเข้ามาในวัดด้วยสภาพอิดโรย ขอข้าวกิน ลักษณะรีบกินเหมือนวิตกกังวล หลังกินเสร็จรีบเดินเข้าป่าหายไป ก่อนมาทราบภายหลังว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิงคนเสียชีวิต

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมรอบนอก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา วิกฤติ

ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ทำให้สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น แต่ในพื้นที่ไข่แดงหรือพื้นที่เศรษฐกิจ น้ำยังไม่สามารถจะเจาะเข้าไปได้ โดยนายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่มั่นใจถ้าฝนตกลงมาไม่มากไปกว่านี้จะสามารถดูแลพื้นที่ในเทศบาลนครหาดใหญ่

ปัตตานีจมบาดาล-ถนนถูกตัดขาด

สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ยังวิกฤติในหลายจังหวัด เพราะฝนยังไม่หยุดตก ทำให้การระบายน้ำแทบไม่สามารถทำได้เลย โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ชาวบ้านเดือดร้อนหนักหลายแสนคน

เร่งรื้อถอนคานถล่ม ถ.พระราม 2 จราจรติดขัดหนัก

เหตุแผ่นยกคานปูนและเครนก่อสร้างถล่มบนถนนพระราม 2 จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงรื้อถอนโครงสร้างที่พังถล่มไม่แล้วเสร็จ ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด ขณะที่การจราจร ถ.พระราม 2 ทั้งขาเข้า-ขาออก ติดขัดหนัก แนะเลี่ยงเส้นทาง

นายกฯ สั่งระดมช่วยน้ำท่วมใต้-เร่งเยียวยา

นายกฯ สั่งระดมช่วยเหลือน้ำท่วมใต้-เร่งมาตรการเยียวยา เผย ครม.เห็นชอบ 39 โครงการฟื้นฟูพื้นที่อุทกภัย เชียงใหม่-เชียงราย 641 ล้านบาท