30 ม.ค. – เปิดขายปั๊มไบโอดีเซลบี 20 ศุกร์นี้ หวังช่วยลดฝุ่นร้อยละ 15-20 ด้านเงินทุนไหลเข้าดันเงินบาทแข็งค่าที่สุดในรอบ 9 เดือน
ทุกฝ่ายระดมแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดย ปตท.บางจาก เปิดขายปั๊มไบโอดีเซลบี 20 ศุกร์นี้ ในขณะที่ อีกเรื่องที่สำคัญคือ เงินบาทแข็งค่าที่สุดในรอบ 9 เดือน คลังส่งสัญญาณเตือนห่วงส่งออก
ในวันนี้ปัญหามลพิษฝุ่น PM 2.5 นับว่ายังคงหนักขึ้น และรัฐบาลเร่งหาระดมทุกแนวทางในการแก้ไข กทม. ออกประกาศกำหนดพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ พร้อมประกาศปิดเรียนตั้งแต่เที่ยงวันนี้ถึงวันศุกร์ ห้ามไม่ให้นำรถเครื่องยนต์ดีเซลที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐานมาวิ่งใช้งานบนท้องถนน ห้ามเผาในที่โล่งทุกประเภท และต้องปฏิบัติตามมาตรการลดฝุ่นละอองจากกิจกรรมการก่อสร้างอย่างเคร่งครัด โดยสำนักการโยธาออกมาตรการควบคุมการก่อสร้างไม่ให้ก่อมลพิษทางอากาศ โดยจะกำหนดเงื่อนไข เพิ่มเติมในการขออนุญาตก่อสร้างโครงการต่างๆ ทั้งของภาครัฐ และเอกชน ให้มีมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ให้พ่นหมอกน้ำช่วยลดฝุ่น และให้เขตเข้าไปกำกับดูแลเข้มข้น
ด้าน คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. ซึ่งมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน ได้เห็นชอบให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 จำหน่ายน้ำมันดีเซล เกรดพิเศษ บี20 ผ่านปั๊มน้ำมัน นำร่องจำหน่าย ผ่านปั๊มได้ตั้งแต่ วันที่ 1 ก.พ.นี้ เป็นต้นไปเริ่มจาก ปตท.และ บางจากฯ จำนวน 10 แห่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในขณะที่ผู้ค้ารายอื่น เช่น ซัสโก้, พีที โดยผู้ค้าจะต้องล้างถังน้ำมันใต้ดิน และเลือกว่าจะเปลี่ยนเพิ่มหัวจ่ายใดมาขายบี 20 ซึ่งคาดว่า จำนวนปั๊มจะเพิ่มขึ้นชัดเจนใน 3 เดือน
น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า จากผลการศึกษาพบว่า บี 20 จะช่วยลดปัญหาฝุ่นมลพิษ ได้ร้อยละ 10-20 เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันดีเซล ดังนั้น เมื่อรถบรรทุกขนาดใหญ่หันมาใช้บี 20 มากขึ้นก็เชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหา โดยรถบรรกทุกขนาดใหญ่ทั้วประเทศขณะนี้มีประมาณ 8-1 ล้านคัน หากมีการหันมาใช้บี 20 ได้ ก็จะทำให้ การใช้บี 20 เพิ่มขึ้นเป็น 15 ล้านลิตรต่อวันทั้งลดมลพิษ และช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มน้ำมันช่วยแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำ ซึ่งขณะนี้รถเมล์ ขสมก. 2,000 คัน และรถ บขส.เริ่มมาใช้ บี 20 มากขึ้น จนทำให้คาดว่าเดือน ก.พ.นี้การใช้บี 20 จะเพิ่มเป็น 10 ล้านลิตรต่อเดือน
อย่างไรก็ตาม รถที่ใช้บี 20 นั้น จะเป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่เท่านั้น โดยค่ายรถยนต์ได้ทยอยส่งรุ่นรถที่สามารถใช้ บี 20 ได้ ปริมาณที่ใช้ได้ขณะนี้หลายแสนคัน และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มรถที่อยู่ในมาตรฐาน ยูโร 2 เช่น อีซูซุประมาณ 100,000 คัน, ฮีโน่กว่า 100,000 คัน เดมเลอร์ คอมเมอร์เชียล วีฮีเคิลส์, วอลโว่, สแกนเนีย สยาม ก็ได้ส่งรุ่นรถมาแล้ว ซึ่งรายละเอียดต่างๆ สามารถตรวจสอบได้ในเว็บไซด์ กรมธุรกิจพลังงาน www.doeb.go.th
ส่วนกรณีที่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มเสนอให้ใช้ บี100 นั้น ในขณะนี้ยังค่ายรถยนต์ใดรองรับมาตรฐาน ดังนั้น หากผู้ใดผลิตเพื่อใช้เองโดยมั่นใจว่าใช้ได้ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ห้ามนำมาค้าขาย และหากค่าขายต้องเสียภาษีตามระบบอีกด้วย ที่สำคัญ ประกันต่างๆ ของค่ายรถยนต์จะไม่รองรับ ซึ่งภาพที่เห็นก็เป็นส่วนที่ชาวสวนปาล์มกระบี่บอกว่า ทดลองใช้ได้กับรถเบนซ์และทางรัฐมนตรีพลังงานได้ขับทดสอบ อย่างไรก็ตาม พบว่าน้ำมันที่ใช้ก็ยังมีส่วนผสมของดีเซลรวมอยู่ด้วย
ทั้งนี้ การศึษาของกรมควบคุมมลพิษ ที่อ้างอิงองค์การอนามัยโลกคาดคะเนว่า ประเทศไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากมลพิษอากาศ เมื่อปี 2556 ประมาณ 50,000 คน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท หลายฝ่ายจึงเห็นว่า การลงทุนเพื่อควบคุม PM 2.5 จึงนับว่าคุ้มค่า และพยายามผลักดันให้ประเทศไทย ปรับปรุงมาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิง จาก Euro 4 เป็น จาก Euro 5 เพื่อลดระดับฝุ่นละออง และการสูญเสียด้านสุขภาพอนามัย ซึ่งวันพรุ่งนี้ กรมธุรกิจพลังงานก็จะประชุมกับโรงกลั่นน้ำมันเพื่อเร่งรัดเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า แม้ไทยจะมีน้ำมันที่ดีปัจจุบันเป็นมาตรฐานยูโร 4 แต่ก็พบว่า รถบรรทุกขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ยังเป็นเครื่องยนต์มาตรฐานยูโร 0-3 เท่านั้น โดยเฉพาะรถใหม่ที่ขายก็เป็นยูโร 3 ดังนั้น หากน้ำมันดีเป็นยูโร 4-5 แต่เครื่องยนต์ยังเป็นยูโร 3 การควบคุมปัญหาฝ่นและมลพิษก็จะไม่ได้อย่างที่คาดคิด
นายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากรถยนต์ ซึ่งปล่อยฝุ่นควัน ดังนั้น สศอ.จึงได้เร่งรัดให้มีการบังคับใช้มาตรฐานการระบายสารมลพิษทางอากาศจากรถยนต์ให้เร็วยิ่งขึ้น โดยเตรียมกำหนดให้ผู้ประกอบการที่ผลิตรถยนต์ใหม่ในประเทศต้องผ่านมาตรฐานยูโร 5 เป็นขั้นต่ำ ภายใน 1-2 ปี และกำหนดให้โครงการผลิตรถยนต์ ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนต้องผลิตรถยนต์ที่ผ่านมาตรฐานยูโร 6 คาดจะช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึง 37,391 ตัน หรือลดลงจากเดิมประมาณร้อยละ 80 ภายในปี 2564 .- สำนักข่าวไทย