กรมอุตุนิยมวิทยา 5 ม.ค.- อธิบดีกรมอุตุฯ เผยปาบึกอ่อนกำลังลงกลายเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว ศูนย์กลางอยู่ที่ อ.ทับปุด จ.พังงา เตือนภาคตะวันออกได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเพชรบุรี ฝนตกหนักต่อเนื่อง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน เเนะประชาชนเฝ้าระวังต่อเนื่อง 2 วัน
นายภูเวียง ประคำมินทร์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา แถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์พายุโซนร้อนปาบึก ว่า เมื่อเวลา 07.00 น. ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน มีศูนย์กลางพายุอยู่ที่ อ.ทับปุด จ.พังงา ต่อมาเวลา 09.00 น. พายุดีเปรสชันได้เคลื่อนต่อลงทะเลอันดามันแล้ว ขณะนี้พายุมีความเร็วลมศูนย์กลาง 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือไปเรื่อยๆ และจะออกจากประเทศไทยต่อไปประมาณวันที่8-9 ม.ค.นี้
ลักษณะนี้ทำให้มีหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบ อาทิ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ตและกระบี่ โดยจะมีผลกระทบต่อไปอีก 1 วัน อาจจะทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากจนทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้
สำหรับสิ่งที่ต้องเตือนเพิ่มเติม คือคลื่นลมในอ่าวไทยตอนบนเริ่มมีกำลังแรงขึ้น อาจจะมีผลกระทบทำให้ทะเลทางชายฝั่งตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นที่ จ.ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด จะมีคลื่นแรงขึ้น และอาจมีฝนตกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะที่ จ.เพชรบุรีต้องเฝ้าระวังทั้งวัน เพราะอาจมีปริมาณน้ำฝนสูงกว่า 90 มิลลิเมตร
ขณะที่ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จ.ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม อาจทำให้ฝนตกเล็กลงถึงปานกลางได้ในตลอดทั้งวันนี้
นอกจากนี้ อีกจุดหนึ่งที่ต้องระมัดระวัง คือฝั่งทะเลอันดามัน มีคลื่นลมแรงขึ้น คลื่นสูง3-5 เมตร ยังต้องงดเดินเรือ ซึ่งส่วนใหญ่พายุที่เคลื่อนตัวลงน้ำหรือทะเลจะมีกำลังแรงขึ้น แต่จากการคำนวณของกรมอุตุนิยมวิทยา ในระยะแรกอาจแรงขึ้นแต่พอถึงวันที่7-8 อาจจะเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอินเดีย หรือเข้าใกล้บังกลาเทศมากขึ้น ถ้าไปถึงตรงนั้น อาจจะสลายตัวออกตรงไปเผชิญอากาศเย็นจากเทือกเขาหิมาลัย โดยเรือสามารถกลับมาเดินเรือได้อีกครั้งในวันที่ 8 ม.ค.นี้
อย่างไรก็ตามให้ติดตามเป็นระยะ ประชาชนทั่วไปยังไม่ควรเข้าไปที่พักอาศัย เพราะอาจสุ่มเสี่ยงเกิดเหตุได้อีก ต้องเฝ้าระวังต่อเนื่องอย่างน้อย 2 วัน หากประเมินสถานการณ์ว่าไม่มีความเสี่ยง บ่ายวันที่ 8 ม.ค. ค่อยเข้าไป หากจะให้ปลอดภัย ควรเป็นวันที่ 9 จะดีกว่า
ขณะเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยา มีการออกประกาศล่าสุดฉบับที่ 22 งในเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมาเเละจะมีการเเถลงข่าวอีกครั้งเวลา 12.00 น. .-สำนักข่าวไทย