กทม.15 ธ.ค.- คุมตัวมือฉกเพชรมูลค่า 10 ล้าน ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ อ้างขายไปแล้วที่บ่อนฝั่งกัมพูชาราคา 550,000 บาท
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. และพนักงานสอบสวน สน.บางรัก คุมตัวนายภิพัศพงษ์พัศฐ์ สุขสวัสดิ์พิพัฒน์ อายุ 59 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่อาคารพาณิชย์ 5 ชั้น ริมถนนสี่พระยา เขตบางรัก ซึ่งผู้ต้องหาได้นัดเจรจาซื้อเพชรจากนายวีกี้ ไวบัส เจ้าของเพชรชาวอินเดีย ที่นำแหวนเพชรน้ำหนัก 10 กะรัต มาขายให้ในราคา 10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา
พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ ระบุว่า ผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง โดยวันเกิดเหตุฉวยโอกาสนำเพชรออกมาจากร้านและออกอุบายว่าจะไปนำเงินสดมาให้ ก่อนจะปิดประตูร้านล็อกนายวีกี้ ไม่ให้ตามออกมา แล้วขึ้นรถจักรยานยนต์ชายชาวกัมพูชาอาชีพเข็นผัก ซึ่งได้รับการว่าจ้างจากผู้ต้องหาให้พาหลบหนีด้วยเงิน 100,000 บาท ขณะที่แหวนเพชรของกลาง ผู้ต้องหาอ้างว่าได้นำไปขายในบ่อนคาสิโนฝั่งกัมพูชาราคา 550,000 บาท เพื่อนำเงินมาเล่นการพนัน จากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาและนายวีกี้ รู้จักกันผ่านนายหน้าชาวไทยในวงการค้าเพชร ซึ่งยืนยันว่าผู้ต้องหาเป็นคนมีฐานะเชื่อถือได้ ก่อนจะให้ติดต่อพูดคุยกันมาสักระยะหนึ่ง แต่ระหว่างนั้นธุรกิจค้าขายอัญมณีของผู้ต้องหาต้องปิดกิจการ เนื่องจากติดการพนัน แต่ไม่ได้แจ้งผู้เสียหาย ยังคงติดต่อกัน กระทั่งมีการนัดดูเพชรกันเมื่อวันเกิดเหตุ
ขณะที่นายวีกี้ เดินทางมาติดตามการทำแผนในวันนี้ (15 ธ.ค.) ด้วยและยืนยันว่าเป็นเจ้าของเพชรน้ำหนัก 10 กะรัตที่ถูกชิงไปและต้องการเพชรคืน
สำหรับประวัติผู้ต้องหา พบเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้ว 7-8 ครั้ง ล่าสุดในพื้นที่ สน.บางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี และหนีประกันในชั้นศาล มาก่อเหตุดังกล่าว
พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม พร้อมนำตัวฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวน คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนีประกันในชั้นศาล และมีพฤติกรรมก่อเหตุมาแล้วหลายคดี
ศาลพิจาณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ ทั้งนี้ไม่มีญาติผู้ต้องหามายื่นคำร้องขอประกันตัวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงนำตัวไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป
สำหรับประวัติผู้ต้องหา พบว่ามีการเปลี่ยนชื่อ สกุล และที่อยู่ เพื่อให้ยากแก่การติดตามตัว และพบว่ากระทำผิดในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง 7-8 ครั้ง ทั้งใน กทม.กาญจนบุรี นนทบุรี นครราชสีมา ชลบุรี จันทบุรี ผู้เสียหายรายใดสงสัย สามารถสอบถามพฤติการณ์ก่อเหตุของผู้ต้องหาได้ที่ สน.บางรักพบเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้ว ส่วนผู้ต้องหาอีกคนที่เป็นชาวกัมพูชาที่พาหลบหนี ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี.-สำนักข่าวไทย