กรุงเทพฯ 14 พ.ย. – กระทรวงเกษตรฯ จัดพิธีถวายราชสักการะและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสครบรอบ 63 ปี “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง”
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีถวายราชสักการะ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสวันพระบิดาแห่งฝนหลวง ประจำปี 2561ลานอเนกประสงค์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี 20 สิงหาคม 2545 มีมติเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในฐานะทรงเป็น “พระบิดาแห่งฝนหลวง” โดยกำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปีเป็น “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” เพื่อจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของชาติไทยให้ประชาชนทั้งในปัจจุบันและอนุชนรุ่นหลังได้มีโอกาสแสดงความจงรักภักดี ชื่นชมในพระบารมี และร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ของพระองค์ท่าน
จนถึงปัจจุบันนับเป็นเวลา 63 ปีแล้ว ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริที่จะคิดค้น วิจัยหาวิธีการทำฝนหลวง เพื่อแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของเกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่ประสบภัยแล้ง รวมทั้งปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรน้ำของประเทศ ภายหลังการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ทุรกันดารภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โครงพระราชดำริฝนหลวง จึงได้ถือกำเนิดขึ้นและสร้างคุณูปการทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะความมั่นคงด้านน้ำให้แก่ประเทศไทย และด้วยพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ได้ทรงคิดค้นเทคโนโลยีฝนหลวงขึ้นนั้น ยังได้รับการยอมรับจากทั่วโลกและมีการจดสิทธิบัตรในพระปรมาภิไธย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และอีกหลายประเทศก็ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตที่จะนำเทคนิค และวิธีการทำฝนหลวงไปปรับใช้แก้ปัญหาความแห้งแล้งในประเทศของตัวเอง จึงถือได้ว่าโครงการพระราชดำริฝนหลวง เป็นนวัตกรรมที่เกิดจากพระอัจฉริยภาพอย่างแท้จริง และเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยและมวลมนุษยชาติอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย