กรุงเทพฯ 11 พ.ย. – กรมชลประทานยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำภาคใต้ใกล้ชิด เตรียมเครื่องมือเครื่องจักรเปิดทางน้ำ เร่งระบายออกสู่ทะเล ส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์คลี่คลายแล้ว
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า จากภาวะฝนตกหนักในเขตอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วัดปริมาณฝนสะสมสูงสุดช่วงวันที่ 8-9 พฤศจิกายนที่ผ่านมามากกว่า 400 มม. ส่งผลให้น้ำไหลบ่าล้นถนนเพชรเกษมและน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ริมคลองบางสะพาน บริเวณโรงเรียนอนุบาลบางสะพาน (วัดเขาโบสถ์อุปถัมภ์) โรงพยาบาลบางสะพานนั้น ได้สั่งการให้โครงการชลประทานพื้นที่ระดมรถแบคโฮแขนยาว 2 คัน เก็บเศษสวะและกิ่งไม้ที่กีดขวางบริเวณสะพานต่าง ๆ และอีก 6 คันขุดเปิดขยายปากคลองบางสะพานช่วงปากอ่าวจากความกว้าง 40 เมตรเป็น 60 เมตร เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเล อีกทั้งนำเครื่องสูบน้ำ 7 เครื่อง ติดตั้งโรงพยาบาลบางสะพาน 2 เครื่อง และโรงเรียนอนุบาลบางสะพาน 2 เครื่องเร่งสูบน้ำออก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอย่างทันท่วงที และยังคงให้สำรองเครื่องสูบน้ำอีก 3 เครื่อง กรณีมีฝนตกลงมาเพิ่ม
ทั้งนี้ กรมชลประทานได้ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อคาดการณ์ปริมาณน้ำและเสนอผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อแจ้งเตือนประชาชน หลังจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องทำให้ ระดับน้ำสูงสุดวัดที่สถานี Gt.20 โรงเรียนอนุบาลบางสะพานสูงกว่าระดับตลิ่ง 1.13 เมตร แต่จากการดำเนินการดังกล่าวทำให้การระบายน้ำออกสู่ทะเลทำได้รวดเร็ว ระดับน้ำในคลองบางสะพานลดลงเข้าสู่ภาวะปกติตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 10 พฤศจิกายน 2561 สถานการณ์อุทกภัยในเขตพื้นที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์คลี่คลายอย่างรวดเร็ว พื้นที่ได้รับผลกระทบไม่ได้ขยายวงกว้างออกไป
อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ได้ระดมเครื่องจักรเครื่องมือเตรียมพร้อมไว้ในภาคใต้ตามแผนบริหารจัดการน้ำ เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูฝนของภาคใต้ ดังนั้น จึงจะติดตามการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ ซึ่งจากลักษณะภูมิประเทศของภาคใต้ที่มีภูเขาเป็นจำนวนมาก หากฝนตกหนักต่อเนื่องอาจเกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันได้ จึงได้กำหนดจุดที่สามารถขุดขยายคลองเพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเล นำเครื่องสูบน้ำเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ท่วมขัง ทำให้สถานการณ์น้ำคลี่คลายโดยเร็วที่สุด.-สำนักข่าวไทย