ภูมิภาค 19 ต.ค. – เมื่อวานนี้ สำนักข่าวไทยเสนอรายงานพิเศษ การจดทะเบียนสมรสอำพราง โดย ป.ป.ท.กำลังสอบสวนคดีที่มีหญิงไทยไปจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติหลายพันคู่ในช่วง 3 ปีมานี้ ส่วนใหญ่เพื่อต้องการอยู่ในไทยต่อ และพบทำเป็นขบวนการ วันนี้ไปดูอีก 2 จังหวัดสำคัญ คือ นครปฐม และสระบุรี ที่มีการจดทะเบียนสมรสผิดปกติหลายร้อยคู่ โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตและพบปัญหาดำเนินคดีได้ยากลำบาก
แม้ ตม.จะตั้งเป้ากวาดล้างและผลักดันกลุ่มคนต่างด้าวที่อยู่เกินกำหนดอนุญาต หรือ Overstay ให้หมดภายใน 1 เดือน หลังจับกุมชาวปากีสถาน 57 คน พร้อมเอเย่นต์ได้ในย่านจรัญสนิทวงศ์
แต่คดีก่อนหน้านี้ เมื่อกลางปีมีหญิงไทยจำนวนหนึ่งที่ถูกนำชื่อและเอกสารส่วนตัวไปจดทะเบียนสมรสโดยมิชอบกับชายชาวอินเดีย ที่ อ.วังม่วง จ.สระบุรี ร้องเรียนต่อทางการจนนำไปสู่การจับกุมเอเย่นต์และเครือข่ายอินเดียได้ 50 คน
นายอำเภอวังม่วง บอกว่า การทุจริตจดทะเบียนสมรสอำพรางให้ชาวอินเดียลอตนี้เกิดขึ้นเกือบ 300 คู่ ตั้งแต่ปี 2558 มีทั้งที่แอบอ้างนำชื่อไปใช้ หรือยินยอมให้ใช้เอกสารส่วนตัวมาจด เพื่อแลกกับเงิน 5,000-10,000 บาท ทำเป็นขบวนการ มีเอเย่นต์เหมารถพามาจด โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐอำนวยความสะดวกให้ ล่าสุดตรวจสอบและเพิกถอนการจดทะเบียนสมรสให้หญิงไทยได้เพียง 39 คู่
ช่วงเดียวกัน ที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม พบการทุจริตจดทะเบียนสมรสอำพรางให้ชาวอินเดียและปากีสถานกับหญิงไทย เกือบ 700 คู่ ในช่วงเวลาติดๆ กัน บางวันมาที่อำเภอเป็นร้อยคู่ ทั้งที่ศักยภาพของที่นี่จดให้ได้ไม่เกินวันละ 16 คู่
หลังพบการทุจริต อ.บางเลน ได้มีหนังสือเรียกคู่สมรสมาสอบปากคำเพื่อยืนยันสถานะ ผ่านมา 3 ปี ไม่สามารถติดต่อชายชาวต่างชาติได้สักคนเดียว ส่วนหญิงคู่สมรส สอบปากคำได้แล้ว 366 คู่ พบถูกแอบอ้างนำชื่อไปจด 100 คู่ ไม่ได้อยู่กินฉันสามีภรรยาจริง 67 คู่ และยืนยันว่าอยู่กินกันจริง 199 คู่ ซึ่งในส่วนนี้ นายอำเภอคนปัจจุบันยังไม่เพิกถอนการจดทะเบียนสมรสให้รายใด หลังพบพิรุธและจะสอบสวนเพิ่ม สอดคล้องกับข้อมูลของตำรวจที่พยายามกวาดล้างจับกุมกลุ่มคนเหล่านี้ ที่ถือเป็นภัยต่อความมั่นคง ทำเป็นขบวนการ มีเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ
นับจากปี 2558 จนถึงปัจจุบัน มีการจดทะเบียนสมรสอำพรางของหญิงไทยกับชายจากเอเชียใต้มากกว่า 3,500 คู่ ในหลายจังหวัดของไทย ผ่านการทำงานของขบวนการทั้งเจ้าหน้าที่รัฐที่ชี้เป้า เจ้าหน้าที่ในอำเภออำนวยความสะดวก และนายหน้าจัดหา แต่เมื่อเรื่องอยู่ในชั้นการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ กลับพบความยากลำบากในการสอบสวน ชาวต่างชาติที่จดทะเบียนมิชอบทั้งหมดหลบหนี ไม่ทราบยังอยู่ในไทยหรือไม่ ฝ่ายหญิงส่วนใหญ่ไม่กล้าให้ข้อมูล เพราะกลัวความผิด เจ้าหน้าที่รัฐที่ร่วมทุจริตถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อนจนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จจึงจะสามารถเอาผิดโทษอาญาได้ และการสอบสวนที่อาจทำไม่ได้มากกว่านี้จะทำให้การดำเนินคดีไปต่อไม่ได้ และเพิกถอนทะเบียนสมรสอำพรางไม่ได้ด้วย. – สำนักข่าวไทย