โซล 8 ต.ค.- สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เตือนว่า อุณหภูมิโลกอาจจะสูงขึ้น 1.5 องศาเซลเซียสภายในปี 2573-2595 หากภาวะโลกร้อนยังเป็นไปเช่นในอัตราปัจจุบัน และโลกไม่เร่งดำเนินมาตรการหยุดยั้งไม่ให้อุณหภูมิสูงขึ้น
คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ไอพีซีซี) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้การอุปถัมป์ของยูเอ็นเผยรายงานสรุปในวันนี้หลังเสร็จสิ้นการประชุมที่กรุงโซลของเกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งจะเป็นแนวทางทางวิทยาศาสตร์ให้แก่ผู้กำหนดนโยบายของแต่ละประเทศในการปฏิบัติตามข้อตกลงลดโลกร้อนปารีสปี 2558 ที่มุ่งจำกัดอุณหภูมิโลกไม่สูงเกิน 2 องศาเซลเซียสจากระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม และควบคุมไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสหากเป็นไปได้ ปัจจุบันอุณหภูมิโลกสูงเกิน 1 องศาเซลเซียสจากระดับยุคก่อนอุตสาหกรรมแล้ว เพราะการปฏิวัติอุสาหกรรมได้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน
รายงานสรุประบุว่า ธรรมชาติและมนุษยชาติยังคงมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหากโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส แต่ก็ยังน้อยกว่าการที่โลกร้อนขึ้น 2 องศาเซลเซียส การจะควบคุมไม่ให้โลกร้อนเกิน 1.5 องศาเซลเซียสจะต้องเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน กว้างขวางและรวดเร็วเรื่องการใช้ที่ดินและพลังงาน อุตสาหกรรม การก่อสร้าง คมนาคม และการพัฒนาเมือง รายงานสรุปเตือนว่า หากภาวะโลกร้อนยังดำเนินไปในอัตราปัจจุบัน โลกจะร้อนขึ้น 1.5 องศาเซลเซียสภายในปี 2573-2595 ดังนั้นเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามที่ตกลงกันไว้ในข้อตกลงปารีสก็อาจไม่เพียงพอ หากจะไม่ให้โลกร้อนเกิน 1.5 องศาเซลเซียส การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลกภายในปี 2573 จะต้องลดลงร้อยละ 45 จากปี 2553 และต้องไม่มีการปล่อยเลยภายในกลางคริสต์ศตวรรษนี้ ขณะที่การใช้พลังงานหมุนเวียนผลิตไฟฟ้าจะต้องเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 25 ในปัจจุบันเป็นร้อยละ 70-85 ภายในปี 2593.-สำนักข่าวไทย