กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – รมว.เกษตรฯ รับข้อเรียกร้องสมาชิก กฟก. กรณีเป็นหนี้ไม่ตรงคุณสมบัติที่กำหนด ตั้งคณะกรรมการ 4 ฝ่ายแก้ปัญหาร่วมกัน
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังนายยศวัจน์ ชัยวัฒนสิริกุล ที่ปรึกษาสหพันธ์เกษตรกรแห่งประเทศไทย ได้นำสมาชิกกองทุนฟื้นฟูเพื่อพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) กว่า 200 ราย เข้าเรียกร้องให้รัฐมนตรีเกษตรฯ แก้ปัญหาหนี้สินที่เกินจากหลักเกณฑ์ของกองทุนฟื้นฟู โดยมีหนี้เกิน 2.5 ล้านบาท เป็นหนี้นอกภาคการเกษตร รวมถึงเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันในธนาคารของรัฐ ว่า เกษตรกรกลุ่มนี้มายื่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่ ขอให้แก้ไขการรับขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิก กฟก. ซึ่งมีรายละเอียดมากเกินไปเป็นภาระของเกษตรกรในการเตรียมเอกสาร ซึ่งมีมากกว่า 15 ชุด โดยในประเด็นนี้ได้มอบหมายให้เลขาธิการ กฟก.ไปปรับระเบียบการขึ้นทะเบียนในการปรับลดการใช้เอกสารยืนยันรวมถึงลดขั้นตอนการยื่นเรื่อง
นอกจากนี้ เกษตรกรยังเรียกร้องให้นำปัญหาหนี้สินที่เกษตรกรกลุ่มนี้เป็นหนี้ธนาคารรัฐอื่น ๆ เช่น กรุงไทย ออมสิน อาคารสงเคราะห์ นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีพร้อมกับการแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกรที่เป็นหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) คราวเดียวกัน ซึ่งตนรับข้อเรียกร้องนี้ แต่ต้องรอแนวทางการแก้ปัญหาหนี้สินของ ธ.ก.ส. ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ก่อน เมื่อ ครม.พิจารณาแล้วจึงจะนำมาเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินของลูกหนี้ธนาคารรัฐอื่น ๆ โดยกลุ่มเกษตรกรมีความกังวลว่าจะล่าช้า ซึ่งได้ยืนยันว่าไม่ล่าช้าและจะทำให้เสร็จก่อนอายุการทำงานคณะกรรมการ กฟก.เฉพาะกิจที่มีระยะเวลาทำงาน 180 วัน ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้ ส่วนข้อเรียกร้องให้ กฟก.จัดการหนี้ที่เกิน 2.5 ล้านบาทนั้น คณะกรรมการ กฟก.เฉพาะกิจไม่สามารถตัดสินใจเองได้ เนื่องจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้เข้ามาตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของ กฟก. และตีความว่าจะซื้อหนี้ได้เฉพาะหนี้ที่เกิดจากภาคการเกษตรเท่านั้น จึงให้ตั้งตัวแทน 4 ฝ่ายมาหารือในประเด็นนี้ ได้แก่ เจ้าหนี้ เกษตรกรลูกหนี้ กฟก. และผู้แทนกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งจะต้องพิจารณาเป็นรายบุคคล จะให้ กฟก.ซื้อหนี้ทั้งหมด 1,200 ล้านบาทนั้น ไม่สามารถทำได้ รวมทั้งต้องดูข้อกฎหมายว่าจะปรับโครงสร้างหนี้ได้หรือไม่ เพราะส่วนใหญ่เป็นหนี้นอกภาคการเกษตร ซึ่งทางสหพันธ์เกษตรกรแห่งประเทศไทยพึงพอใจที่รัฐมนตรีเกษตรฯ รับข้อเรียกร้องไปพิจารณาแล้ว จึงเดินทางไปยังศูนย์ดำรงธรรมทำเนียบรัฐบาล เพื่อเร่งรัดให้แก้ไขปัญหาต่อไป .-สำนักข่าวไทย