มหาสารคาม 13 ส.ค.-เกษตรรุ่นใหม่ชาวมหาสารคามแปรรูปข้าวเกรียบเห็ดและงาดำ มียอดสั่งจองอย่างต่อเนื่อง ราคาขายส่งถุงละ 20 บาท สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 10,000 บาท
นางสาวนงลักษณ์ ละอองคำ ชาวบ้านวังยาว หมู่ 4 ต.เกิ้ง อ.เมือง จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ก่อนจะมาเข้าร่วมเป็นสมาชิกเกษตรกรรุ่นใหม่ แปรรูปข้าวเกรียบเห็ดงาดำ เคยทำงานบริษัทเอกชนมาก่อน แต่ลาออกเพื่อกลับมาอยู่บ้านดูแลครอบครัวและแม่ที่มีอายุมากแล้ว
เริ่มต้นจากการเพาะเห็ดนำมาแปรรูปหลายอย่าง ทั้งเห็ดสวรรค์ น้ำพริกเห็ด และข้าวเกรียบเห็ด แต่ผลิตภัณฑ์ที่จะแปรรูปอย่างจริงจังคือข้าวเกรียบเห็ด หนึ่งในของกินเล่น จึงหาวิธีสร้างจุดขายในกลุ่มผู้รักสุขภาพ และเริ่มแปรรูปข้าวเกรียบเห็ดที่มีส่วนผสมของงาดำ มียอดสั่งจองอย่างต่อเนื่อง แผ่นข้าวเกรียบบางกรอบ ทำให้กลายมาเป็นของกินเล่นที่มีรสอร่อย เพิ่มรสชาติให้น่ากินด้วยรสเห็ดและงาดำ นำมาทอดด้วยน้ำมันไม่ทอดซ้ำ ก่อนอบรีดน้ำมันออกจากแผ่นข้าวเกรียบให้ไร้มันอีกครั้ง ช่วยเพิ่มความกรอบ จิ้มกับน้ำจิ้มสูตรสมุนไพรที่มีส่วนผสมของทั้งพริกชี้ฟ้าแห้ง หอม กระเทียม กะปิ น้ำตาลมะพร้าว เกลือไอโอดีน และน้ำมะขามเปียกผสมน้ำฝางแดง ปรุงตามสูตร นำไปเคี่ยวด้วยความร้อนคงที่ยิ่งเพิ่มความอร่อย
เหตุที่สนใจแปรรูปข้าวเกรียบเห็ดงาดำเพราะปัจจุบันในพื้นที่ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดทำข้าวเกรียบเห็ดงาดำ จึงเป็นการสร้างความแตกต่างและสร้างจุดขายในยุคตลาด 4.0 ซึ่งเห็ดและงาดำอุดมไปด้วยคุณค่าสารอาหาร ที่สำคัญสามารถเพาะเองได้
ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก เริ่มจากการนำเห็ดนางฟ้ามาต้มให้สุกแล้วปั่นให้ละเอียด ผสมกับแป้งมัน น้ำตาล เกลือไอโอดีน พริกไทยป่น และงาดำ ในอัตราส่วนตามสูตร จากนั้นนวดให้ส่วนผสมเข้ากัน 30 นาที แล้วค่อยๆ คลึงให้เป็นแท่ง โดยใช้ฟิล์มแรป แล้วเอาไปนึ่งให้สุก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง พักให้เย็นก่อนนำไปเก็บในตู้เย็น จากนั้นนำมาหั่นเป็นแผ่นบางๆ นำไปตากแดดให้แห้งด้วยโรงอบพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อให้แผ่นข้าวเกรียบมีความสะอาดและปลอดภัย เมื่อแห้งแล้วนำไปทอดไฟกลาง รอให้ข้าวเกรียบพองเสมอกัน ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน ก่อนอบด้วยเครื่องอบเพื่อรีดไขมัน ทำให้ยืดอายุในการเก็บรักษาและไม่มีกลิ่นหืน บรรจุถุงรวมกับน้ำพริกที่เตรียมไว้ ราคาขายส่งถุงละ 20 บาท มีรายได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 10,000 บาท หรือกว่าปีละ 100,000 บาท.-สำนักข่าวไทย