จันทบุรี 21 ก.ย.-จังหวัดจันทบุรีมีพื้นที่สวนผลไม้ถึงเกือบ 1.5 ล้านไร่ เบื้องหลังการทำสวนผลไม้ให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยผึ้งและแมลงต่างๆ ช่วยผสมเกสร วันนี้จะพาไปดูการเลี้ยงผึ้งที่จังหวัดจันทบุรี
ความเข้าใจของคนทั่วไปผึ้งก็คือผึ้งที่มีเหล็กใน ถ้าถูกผึ้งต่อยจะเจ็บปวด บางคนถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อกันเลยทีเดียว แต่ถ้าศึกษากันอย่างจริงจังจะพบว่าผึ้งมีหลายชนิด หลายสายพันธุ์ ตั้งแต่ผึ้งหลวง หรือผึ้งป่า ตัวใหญ่นิสัยดุร้าย อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ ไม่สามารถเลี้ยงได้ ขนาดย่อมลงมาหน่อยก็มีผึ้งมิ้มกับผึ้งโพรงที่สามารถเลี้ยงได้
แต่ที่นิยมเลี้ยงกันมาก ทำเป็นฟาร์มผึ้ง คือผึ้งพันธุ์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศแถบยุโรปและแอฟริกา มีทั้งแบบเชื่อง และผึ้งเพชฌฆาต สามารถขยายพันธุ์ได้ง่ายและรวดเร็ว ให้ผลผลิตทั้งน้ำผึ้ง ไขผึ้ง นมผึ้ง และอื่นๆ ในปริมาณมาก
ส่วนผึ้งชันโรงตัวเล็กเท่าแมลงวัน กัดไม่ค่อยเจ็บ เพราะไม่มีเหล็กใน ให้ผลผลิตน้ำผึ้งไม่มาก แต่เป็นน้ำผึ้งคุณภาพดี อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และเหมาะที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงเพื่อใช้ประโยชน์ด้านการผสมเกสรดอกไม้ แต่การเลี้ยงผึ้งให้ประสบความสำเร็จ นอกจากต้องเรียนรู้เรื่องวงจรชีวิต ลักษณะนิสัย และการจัดการรังแล้ว สำคัญที่สุดคือต้องมีแหล่งอาหารให้ผึ้งตลอดทั้งปี
อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับเกษตรกรที่ไม่สะดวกจะเลี้ยงผึ้งเอง สามารถเช่าผึ้งจากฟาร์ม หรือผู้เลี้ยงอาชีพไปใช้ได้ในราคาประมาณ 40 บาทต่อรังต่อวัน โดยพื้นที่การเกษตร 1 ไร่ ใช้ผึ้งประมาณ 4 รัง และต้องไม่ลืมว่าในช่วงที่ใช้ผึ้งผสมเกสรต้องงดเว้นการใช้สารเคมีกับต้นพืช ไม่เช่นนั้นผึ้งอาจตายยกรัง
ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร หรือศูนย์ผึ้ง จังหวัดจันทบุรี เป็น 1 ใน 5 ศูนย์ที่กรมส่งเสริมการเกษตรจัดตั้งขึ้น นอกจากเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงผึ้งเพื่อช่วยผสมเกสรแล้ว ยังทำหน้าที่ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพด้านการเกษตรตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง และเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร มีการสาธิตการแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากผึ้ง ซึ่งนอกจากน้ำผึ้งแล้ว ยังมีนมผึ้ง หรือรอยัลเยลลี่ เกสรผึ้ง ไขผึ้ง พิษผึ้ง และชัน หรือยางไม้ หรือ Propolis ก็ล้วนแต่มีราคาสูง เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งสิ้น.-สำนักข่าวไทย