ชลบุรี 4 ก.ค.- นายกฯ ระบุ เจ้าหน้าที่กำลังพิจารณาแนวทางนำ 13 ชีวิตออกจากถ้ำ เจาะถ้ำจากด้านบน – ออกทางปากถ้ำ แต่ทุกทางมีปัญหา ย้ำ ดูความพร้อมของเด็กเป็นหลัก พร้อมพิจารณาหาแนวทางใหม่ ถ้าทำไม่ได้ ยืนยัน จะทำให้เร็วที่สุด แต่อย่าขีดเส้นเวลา หวัง เมื่อออกจากถ้ำได้แล้ว จะเป็นคนดีของสังคม เรียนรู้จากสิ่งที่ได้ทำกไป
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ภายหลังเป็นประธานงานสถาปนาครบรอบ 68 ปี กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ค่ายนวมินทราชินี อ.เมือง จ.ชลบุรี ถึงการให้ความช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมเยาวชนหมูป่า อะคาเดมี ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง ขุนน้ำ-นางนอน จ.เชียงราย ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรวงห่วงใย และพระราชทานกำลังใจให้ทุกอย่าง ถือเป็นพระบารมีปกเกล้าฯ ทรงชื่นชมการทำงานของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน
“ถือเป็นบทเรียนสำหรับอนาคต และนี่จะเป็นบรรทัดฐานของประเทศไทยในอนาคต การที่จะเกิดความรักความสามัคคีของคนในชาติ ไม่จำเป็นจะต้องเกิดเหตุอะไร แค่คิดว่าคนไทยต้องรักกัน เพราะมีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นหลักของประเทศ แต่หากมีการเตรียมความพร้อมตั้งแต่ต้น จะมีเหตุการณ์หรือไม่ ก็สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด ที่สำคัญคือต้องสร้างแบบแผนในการทำงานให้ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการ เพื่อหาทางนำทั้ง 13 ชีวิตออกจากถ้ำหลวง ซึ่งมี 2 แนวทาง แต่แต่ละแนวทางก็มีปัญหาอยู่บ้าง คือ เจาะถ้ำด้านบน เป็นวิธีที่เร็ว แต่ต้องหาช่องทางให้เจอ และ ออกทางปากถ้ำ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเด็ก เพราะลักษณะภายในถ้ำไม่ได้เป็นอุโมงค์โล่งแบบท่อลอดออกมาได้ง่าย บางจุดลอดได้ที่ละคน ดังนั้น ต้องดูว่าเด็กมีความพร้อมหรือไม่ ถ้าไม่พร้อม ต้องหาวิธีการอื่น ยืนยันว่าจะทำให้เร็วที่สุด แต่ขออย่ามากำหนดว่า จะต้องทำให้ได้วันไหน
ต่อข้อถามถึง เงินบริจาคที่กำลังมีปัญหา และเสียงวิจารณ์ความเหมาะสมการเยียวยา โดยเฉพาะที่มีหน่วยงานรัฐจะมอบเงินรางวัลให้แก่เด็กๆ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ให้จังหวัดเป็นผู้บริหารจัดการตามความเหมาะสม
“แต่สิ่งสำคัญคือ เมื่อเด็กๆ ออกมา ต้องเป็นคนดีของสังคม และเรียนรู้จากสิ่งที่เขาทำไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างร่วมงานสถาปนาครบรอบ 68 ปี กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ค่ายนวมินทราชินี นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมการก่อสร้างสระน้ำทางยุทธวิธี เพื่อใช้สำหรับการฝึกหลักสูตรทหารเสือ และกำชับให้ใช้กรณี 13 ชีวิตติดถ้ำหลวง เป็นบทเรียน และถอดบทเรียนครั้งนี้มาปรับใช้ในการฝึกดำน้ำ ว่ายน้ำแก่กำลังพลหน่วยปฏิบัติการพิเศษต่อไป เพราะเป็นรับสั่งของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การก่อสร้างสระดังกล่าว ไม่ได้เกิดขึ้นจากกรณี 13 ชีวิต ติดถ้ำหลวง แต่ดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ตนยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารบก เพราะเกี่ยวข้องกับหลักสูตรทหารเสือในวิธีการดำน้ำ เป็นสระที่มีความยาวกว่ามาตรฐาน คือ 50 เมตร สามารถฝึกได้ตั้งแต่น้ำไม่ลึก ไปจนถึงลึกมาก และมากขึ้นเรื่อย ๆ และในทุกๆ 5 เมตร จะมีการเปลี่ยนชั้นบรรยากาศ คล้ายๆ ถังดำ แต่จะให้เตรียมนำบทเรียนกรณีถ้ำหลวง หรือกรณีอื่นๆ มาปรับใช้ในการฝึก
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังฝากถึงกำลังพลทหารเสือราชินี ว่า ขอให้ช่วยกันสืบสานงานทุกอย่างต่อไปในวันข้างหน้า .- สำนักข่าวไทย